ภิกษุรู้จักสัมมาสมาธิว่าเป็นสัมมาสมาธิ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาสมาว่าเป็นมิจฉาสมาธิ. ความรู้
ของเธอนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ.๑
ท่านกล่าวญาณกถาไว้แต่ต้นก็เพื่อจะให้ญาณ กล่าวคือ ความเห็น
ชอบว่า เมื่อสัมมาทิฏฐิเป็นประธานสำเร็จ แล้วก็จักรู้ความที่มิจฉาทิฏฐิ
ทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิดังนี้ ให้สำเร็จก่อน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนอุทายี เธอจงงดขันธ์ส่วนอดีตและ
อนาคตไว้ก่อน เราจักแสดงธรรมแต่เธอว่า เมื่อ
เหตุนี้มี ผลนี้ก็ย่อม เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด,
เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้ก็ย่อมไม่มี เพราะเหตุนี้ดับ
ผลนี้ก็ย่อมดับ ดังนี้.๒
และ เพราะเว้นปุพพันตทิฏฐิและอปรันตทิฏฐิแล้วกล่าวญาณเท่านั้น
ท่านจึงกล่าวญาณกถาไว้แต่ต้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
อย่าเลย สุภัททะ ข้อที่ถามว่า สมณ-
พราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ได้ตรัสรู้ตามปฏิญญา
ของตน ๆ หรือ หรือว่าทั้งหมดไม่ได้ตรัสรู้ หรือ
๑. ม.อุ. ๑๔/๒๕๔. ๒. ม.ม. ๑๓/๓๗๑.