แต่วัน พระนางไม่เห็นพระโอรสธิดาในอาศรมนั้น ทูลถามพระเวสสันดร
ทรงทราบว่าพระราชทานแก่พราหมณ์ชูชกไปแล้ว พึงเสด็จแล่นตามไปด้วย
ความเสน่หาเป็นกำลัง ก็จะพึงเสวยทุกข์ใหญ่.
ลำดับนั้น เทวดาเหล่านั้นจึงบังคับสั่งเทพบุตร ๓ องค์ว่า ท่านทั้ง ๓
จงจำแลงกายเป็นราชสีห์ เป็นเสือโคร่ง เป็นเสือเหลือง กั้นทางเสด็จพระ-
นางมัทรีไว้ แม้พระนางวิงวอนขอทางก็อย่าให้ จนกว่าดวงอาทิตย์อัสดงคต
พึงจัดอารักขาให้ดี เพื่อไม่ให้ราชสีห์เป็นต้นเบียดเบียนพระนางได้ จนกว่าได้
เสด็จเข้าอาศรมด้วยแสงจันทร์.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
เทพเจ้าทั้งหลาย ได้ฟังความคร่ำครวญของราช
กุมารกุมารี จึงได้กล่าวกะเทพบุตรทั้ง ๓ ว่า ท่านทั้ง
สามจงจำแลงกายเป็นสัตว์ร้ายในป่า คือ เป็นราชสีห์
เสือโคร่ง เสือเหลือง คอยกันพระนางมัทรีราชบุตรี
อย่าพึงเสด็จกลับมาจากเสาะหาผลาผลแต่เย็นเลย เหล่า
พาลมฤคในป่าอันเป็นเขตแดนของพวกเรา อย่าได้
เบียดเบียนพระนางเจ้าเลย ถ้าราชสีห์ เสือโคร่ง เสือ
เหลืองพึงเบียดเบียนพระนางเจ้าผู้มีลักษณะพระชาลี
ราชกุมารจะไม่พึงมีพระชนม์อยู่ พระกัณหาชินาจะพึง
มีพระชนม์อยู่แต่ไหน พระนางเจ้าผู้มีลักษณะจะพึง
เสื่อมจากพระราชสวามีและพระปิยบุตรทั้งสอง.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิทํ วจนมพฺรวุํ ความว่า เทวดา
เหล่านั้นได้กล่าวคำนี้กะเทพบุตรทั้งสามว่า ท่านทั้งหลาย คือทั้งสามองค์ จง
แปลงเป็นพาลมฤคในป่าสามชนิดอย่างนี้คือ ราชสีห์หนึ่ง เสือโคร่งหนึ่ง เสือ