ลำดับนั้น พระราชาได้ตรัส ๒ คาถาว่า
เราไม่ได้ดูหมิ่นท้าวธตรฐเรื่องยศ ก็ท้าวธตรฐ
ผู้เป็นใหญ่กว่านาคแม้ทั้งหมด ถึงจะเป็นพระยานาคผู้
มีอานุภาพมา ก็ไม่สมควรกะธิดาของเรา เราเป็น
กษัตริย์ของชนชาววิเทหรัฐ และนางสมุททชาธิดาของ
เราก็เป็นอภิชาต.
บรรดาบทเหล่านั้นด้วยบทว่า พหูนมฺปิ นี้ ท่านกล่าวหมายเอาความ
เป็นใหญ่ แห่งภพนาคประมาณ ๕๐๐ โยชน์. บทว่า น เม ธีตรมารโห
ความว่า ก็ท่านแม้เป็นผู้มีอานุภาพมากอย่างนี้ก็ไม่สมควรกะธิดาของเรา เพราะ
ท่านเป็นอหิชาติ (ชาติงู). พระองค์เมื่อแสดงถึงผู้เป็นญาติอันเป็นฝ่ายมารดา
จึงตรัสคำนี้ว่า ขตฺติโย จ วิเทหานํ ดังนี้. ด้วยบทว่า สมุทฺทชา นี้
ท่านกล่าวว่า คนทั้งสอง คือกษัตริย์ผู้เป็นราชโอรสของพระจ้าวิเทหะ และ
พระธิดาของเรานามว่าสมุททชา เป็นอภิชาตสมควรจะสังวาสกันและกัน เพราะ
นางย่อมไม่คู่ควรแก่งูผู้มีกบเป็นภักษา.
พวกนาคมาณพได้ฟังดังนั้นแล้ว แม้ประสงค์จะฆ่าพระองค์ด้วยสม
ในนาสิก ในที่นั้นนั่นเอง จึงคิดว่า แม้เมื่อพวกเราถูกพระราชาส่งไปเพื่อ
กำหนดวัน การที่เราจะฆ่าพระราชานี้แล้วไปไม่สมควรเลย พวกเราจักไปกราบ
ทูลพระราชาแล้วจักทราบ ดังนี้แล้ว พวกเขาจึงลุกจากที่นั้นอกจากราชนิเวศน์
ดำรงแผ่นดินไปในที่นั้น ถูกพระยานาคถามว่า พ่อทั้งหลาย พวกท่านได้
ราชธิดาแล้วหรือ ? ดังนี้แล้วโกรธต่อพระราชา จึงกราบทูลว่า ข้าแต่สมบัติ-
เทพ พระองค์ส่งพวกข้าพระองค์ไปในที่ใดที่หนึ่ง เพราะเหตุอันไม่สมควร