เขาตรึกตรองดูตัวเองแล้ว พูดว่า แกถามได้
บุตรคนจัณฑาล ให้บริษัทเพื่อนของมาณพนั้น. ยึดถือถ้อยคำ
สัญญานั้นแล้ว ถามปัญหาว่า ข้าแต่ท่านมาณพ ธรรมดาทิศมีเท่าไร ?
พ. ธรรมดาทิศมี ๔ มีทิศตะวันออกเป็นต้น.
คนจัณฑาลพูดว่า ผมไม่ได้ถามคุณถึงทิศนั้น แม้เท่านี้คุณก็ไม่รู้
ยังรังเกียจลมที่พัดผ่านตัวผม. แล้วจับคอเขาโน้มลงมาลอดหว่างขาของ
ตน. มาณพทั้งหลายได้บอกพฤติการณ์นั้นแก่อาจารย์. อาจารย์ครั้นได้
ฟังคำนั้นแล้ว จึงถามเขาว่า พ่อเสตเกตุ จริงไหม ? ได้ทราบว่าเจ้า
ถูกคนจัณฑาลให้ลอดหว่างขา.
มาณพตอบว่า จริงอาจารย์ ลูกของอีทาสีจัณฑาลนั้นว่าผมว่า
แม้เพียงแต่ทิศคุณก็ไม่รู้ แล้วให้ผมลอดหว่างขาของตน ทีนี้ผมเห็นมัน
แล้ว จักแก้แค้นมัน. โกรธแล้ว ด่า แช่ง ลูกคนจัณฑาล. ครั้งนั้น
อาจารย์ เมื่อโอวาทเขาว่า พ่อเสตเกตุเอ๋ย เจ้าอย่าโกรธเขา ลูกคน
จัณฑาลเป็นบัณฑิต เขาไม่ได้ถามเจ้าถึงทิศนั้น แต่เขาถามถึงทิศอื่น ก็
ทิศที่เจ้ายังไม่เห็นไม่ได้ยินและยังไม่รู้นั่นแหละ มีมากกว่าทิศที่เจ้าได้
เห็นได้ยินและได้รู้มาแล้ว. ดังนี้แล้วจึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาไว้ว่า:-
พ่อเอ๋ย พ่ออย่าโกรธเลย เพราะความ
โกรธไม่ดี ที่เจ้ายังไม่เห็นและยังไม่ได้ยินมี
เป็นอันมาก พ่อเสตเกตุเอ๋ย มารดาบิดาก็เป็น