No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 811 (เล่ม 58)

พาธุระหน้าที่ของลูกผู้ชายทั้ง ๔ อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา และ
มิตรภาพ ที่ลูกผู้ชายทั้งหลายจะพึงนำพา ย่อมยังเหตุเครื่องกระทำ
ความปราโมทย์กล่าวคือมิตรภาพนี้ และสุขอันเป็นเหตุนำมาซึ่งสรร-
เสริญให้เกิด คือ ให้เจริญ ท่านแสดงว่า ไม่ทำลายมิตรภาพให้แตก
จากบัณฑิตทั้งหลาย. บทว่า ปวิเวกรสํ ได้แก่ รสแห่งกายวิเวก
จิตตวิเวก และอุปธิวิเวก คือ รสแห่งความโสมนัสอันอาศัยวิเวก
เหล่านั้นเกิดขึ้น. บทว่า อุปสมสฺส จ ได้แก่ โสมนัสอันได้แล้ว
เพราะความสงบระงับกิเลส. บทว่า นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป ความว่า
ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีความกระวนกระวาย เพราะไม่มีความกระวนกระวาย
ด้วยอำนาจของกิเลิสทั้งปวง ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีบาป เพราะไม่มีกิเลส.
บทว่า ธมฺมปีติรสํ ความว่า ดื่มรสกล่าวคือธรรมปีติ ได้แก่ ปีติอัน
เกิดแต่วิมุตติ.
พระมหาสัตว์สยดสยองการเกลือกกลั้วกับปาปมิตร จึงถือเอา
ยอดแห่งเทศนา โดยให้บรรลุพระอมตมหานิพพาน ด้วยรสแห่งวิเวก
ด้วยประการฉะนี้.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึง
ทรงประชุมชาดกว่า เศรษฐีชาวปัจจันตคามในครั้งนั้น ได้เป็นเศรษฐี
ชาวปัจจันตคามนี้แหละ ส่วนพาราณสีเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็นเรา
ตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาหิริชาดกที่ ๓

811
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 812 (เล่ม 58)

๔. ขัชโชปนกชาดก
ว่าด้วยเห็นหิ่งห้อยว่าเป็นไฟ
[๗๖๘] ใครหนอ เมื่อไฟมีอยู่ ยังเที่ยวแสวงหา
ไฟอีก เห็นหิ่งห้อยในเวลากลางคืน ก็มา
สำคัญว่าเป็นไฟ.
[๗๖๙] บุคคลนั้น เอาจุรณโคมัยและหญ้าขยี้
ให้ละเอียดโปรยลงบนหิ่งห้อย เพื่อจะให้
เกิดไฟ ก็ไม่สามารถจะให้ไฟลุกได้ ด้วย
ความสำคัญวิปริต ฉันใด.
[๗๗๐] คนพาล ย่อมไม่ได้สิ่งที่ต้องประสงค์
โดยมิใช่อุบาย นมโคไม่มีที่เขาโค คนรีด
นมโคจากเขาโค ย่อมไม่ได้นม ก็ฉันนั้น.
[๗๗๑] ชนทั้งหลาย ย่อมบรรลุถึงประโยชน์
ด้วยอุบายต่าง ๆ คือด้วยการข่มศัตรู และ
ด้วยการยกย่องมิตร.
[๗๗๒] พระเจ้าแผ่นดินทั้งหลาย ย่อมครอบ-
ครองแผ่นดินอยู่ได้ ก็ด้วยการได้อำมาตย์ผู้

812
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 813 (เล่ม 58)

เป็นประมุขของเสนี และด้วยการแนะนำ
ของอำมาตย์ผู้ที่ทรงโปรดปราน.
จบ ขัชโชปนกชาดกที่ ๔
อรรถกถาขัชโชปนกชาดกที่ ๔
ปัญหาว่าด้วยหิ่งห้อยนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โกนุ สนฺตมฺหิ
ปชฺโชเต ดังนี้. จักมีแจ้งโดยพิสดาร ในมหาอุมังคชาดกแล.
จบ อรรถกถาขัชโชปนกชาดกที่ ๔

813
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 814 (เล่ม 58)

๕. อหิตุณฑิกชาดก
ว่าด้วยลิงกับหมองู
[๗๗๓] ดูก่อนสหายผู้มีหน้างาม เราเป็นนักเลง
สะกา แพ้เขาเพราะลูกบาศก์ ท่านจงทิ้ง
มะม่วงสุกลงมาบ้าง เราจะได้บริโภคเพราะ
ความเพียรของท่าน.
[๗๗๔] ดูก่อนสหาย ท่านมากล่าวสรรเสริญเรา
ผู้ล่อกแล่ก ด้วยคำไม่เป็นจริง ขึ้นชื่อว่าลิง
ที่มีหน้างาม ท่านเคยได้ยินหรือเคยได้เห็น
ที่ไหนมาบ้าง.
[๗๗๕] ดูก่อนหมองู ท่านทำกรรมใดไว้กะเรา
กรรมนั้นยังปรากฏอยู่ในหัวใจของเราจนวันนี้
ท่านเข้าไปยังตลาดขายข้าวเปลือก เมาสุรา
แล้ว ตีเราผู้กำลังหิวโหยถึงสามครั้ง.
[๗๗๖] เราระลึกถึงการนอนเป็นทุกข์อยู่ที่ตลาด
นั้นได้ อนึ่ง ถึงท่านจะยกราชสมบัติให้เรา
ครอบครอง ท่านขอมะม่วงเราแม่ผลเดียว

814
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 815 (เล่ม 58)

เราก็ไม่ให้ เพราะว่าเราถูกท่านคุกคามให้
กลัวเสียแล้ว.
[๗๗๗] อนึ่ง บัณฑิตรู้จักผู้ใดที่เกิดในตระกูล
เอิบอิ่มอยู่ในห้อง ไม่มีความตระหนี่ ก็ควร
จะผูกความเป็นสหายและมิตรภาพกับผู้นั้น
ไว้ให้สนิท.
จบ อหิตุณฑิกชาดกที่ ๕
อรรถกถาอหิตุณฑิกชาดกที่ ๕
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุแก่รูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ธุตฺโตมฺหิ
ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันได้ให้พิสดารแล้วในสาลกชาดกในหนหลัง. แม้
ในชาดกนี้ ภิกษุแก่นั้นให้เด็กชาวบ้านคนหนึ่งบวช แล้วด่าและ
ประหาร. เด็กจึงหนีไปสึก. แม้ครั้งที่สอง ให้เด็กนั้นบวชแล้วก็ได้
กระทำเหมือนอย่างเดิม แม้ครั้งที่สองเด็กนั้นก็สึก ผู้อันพระแก่นั้น
อ้อนวอนอีก ก็ไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดู. ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนา
กันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุแก่ชื่อโน้นไม่อาจเป็น
ไปเพื่อจะร่วมและจะพรากจากสามเณรของตน ส่วนสามเณรเห็นโทษ

815
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 816 (เล่ม 58)

ของพระแก่นั้น ไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดูอีก สามเณรนั้นเป็นเด็ก
ใจดี. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอ
ทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
เรื่องชื่อนี้ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้
เท่านั้น แม้ในปางก่อน สามเณรนี้ก็เป็นคนใจดีแท้ เห็นโทษคราว
เดียวไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะแลดูอีก แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมา
สาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพ่อค้าข้าวเปลือก เจริญวัยแล้ว
จึงเลี้ยงชีวิตด้วยการขายข้าวเปลือก. ครั้งนั้น มีหมองูคนหนึ่งจับลิง
มาฝึกให้เล่นกับงู เมื่อเขาโฆษณาการมหรสพในนครพาราณสี จึง
พักลิงนั้นมาไว้ในสำนักของพ่อค้าข้าวเปลือกแล้วเที่ยวเล่นอยู่ตลอด ๗
วัน. พ่อค้าแม้นั้นได้ให้ของเคี้ยว ของบริโภคแก่ลิง. ในวันที่ ๗
หมองูเลิกเล่นมหรสพกลับมา ได้เอาซี่ไม้ไผ่ตีลิงนั้น ๓ ครั้ง แล้ว
พาลิงนั้นไปยังอุทยาน ผูกไว้แล้วจึงหลับไป. ลิงแก้เครื่องผูกออกแล้ว
ขึ้นไปยังต้นมะม่วง นั่งกินมะม่วงอยู่. หมองูนั้นตื่นขึ้นแล้ว แลเห็น
ลิงอยู่บนต้นไม้ จึงคิดว่า เราควรจะหลอกล่อจับลิงนั้น เมื่อจะเจรจา
กับลิงนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ดูก่อนสหายผู้มีหน้างาม เราเป็นนักเลง
สะกาแพ้เขาเพราะลูกบาศก์ท่านจงทิ้งมะม่วง

816
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 817 (เล่ม 58)

สุกลงมาบ้าง เราจะได้บริโภคก็เพราะความ
เพียรของท่าน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺขปราชิโต แปลว่า แพ้เพราะ
ลูกบาศก์ทั้งหลาย. บทว่า หเรหิ ความว่า จงให้ตกลงมา. บาลีว่า
ปาเตหิ ดังนี้ก็มี.
ลิงได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาทั้งหลายที่เหลือว่า :-
ดูก่อนสหาย ท่านมาสรรเสริญเราผู้
ล่อกแล่กด้วยคำไม่เป็นจริง ขึ้นชื่อว่าลิงที่มี
หน้างาม ท่านเคยได้ยินหรือเคยได้เห็นที่
ไหนมาบ้าง.
ดูก่อนหมองู ท่านทำกรรมใดไว้กะเรา
กรรมนั้นยังปรากฏอยู่ในหัวใจของเราจนบัดนี้
ท่านเข้าไปยังร้านตลาดข้าวเปลือก เมาสุรา
แล้ว ติเราผู้กำลังหิวโหยถึงสามที.
เราระลึกถึงการนอนเป็นทุกข์ ณ ที่
ตลาดนั้นได้ อนึ่ง ถึงท่านจะยกราชสมบัติ
ให้เราครอบครอง ถึงอย่างนั้น ท่านขอ
มะม่วงเราแม้ผลเดียว เราก็ไม่ให้ เพราะว่า
เราถูกท่านคุกคามให้กลัวเสียแล้ว.

817
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 818 (เล่ม 58)

อนึ่ง บัณฑิตรู้จักผู้ใดที่เกิดในตระกูล
เอิบอิ่มอยู่ในห้อง ไม่มีความตระหนี่ ก็ควร
จะผูกความเป็นสหายและมิตรภาพกับผู้นั้น
ไว้ให้สนิท.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อลิกํ ได้แก่ เหลวไหลหนอ.
บทว่า อภูเตน แปลว่า ไม่มีอยู่. บทว่า โก เต แก้เป็น กตฺถ
ตยา. บทว่า สุมุโข แปลว่า ผู้มีหน้างาม. ลิงเรียกหมองูนั้นว่า
อหิตุณฑิกะ. บาลีว่า อหิคุณฺฑิก ดังนี้ก็มี. บทว่า ฉาตํ ได้แก่
ถูกความหิวครอบงำ คือ ทุรพล กำพร้า. บทว่า หนาสิ ได้แก่
ตีด้วยซี่ไม้ไผ่ ๓ ครั้ง. บทว่า ตาหํ แยกเป็นศัพท์ว่า ตํ อหํ.
บทว่า สรํ แปลว่า ระลึกถึงอยู่. บทว่า ทุกฺขเสยฺยํ ได้แก่ นอน
เป็นทุกข์อยู่ที่ตลาดนั้น. บทว่า อปิ รชฺชมฺปิ การเย ความว่า
ถ้าแม้ท่านจะเอาราชสมบัติในเมืองพาราณสีมาให้เรา แล้วให้เราครอง
ราชสมบัติไซร้ แม้ถึงอย่างนั้น เราผู้อันท่านอ้อนวอนขอก็จะไม่ให้
มะม่วงนั้น คือ เราถูกท่านขอก็จะไม่ให้มะม่วงสุกนั้นแม้แต่ผลเดียว.
เพราะเหตุไร ? เพราะเราถูกท่านคุกคามให้กลัวเสียแล้ว อธิบายว่า
จริงอย่างนั้น เราถูกท่านคุกดามด้วยความกลัว. บทว่า คพฺเภ ติตฺตํ
ความว่า ผู้อิ่มเอิบด้วยสุธาโภชน์อยู่เฉพาะในท้องมารดา หรือใน
ห้องนอนที่ประดับและตกแต่งแล้ว ชื่อว่าผู้ไม่จนเพราะหวังได้
โภคทรัพย์. บทว่า สขิญฺจ มิตฺตญฺจ ความว่า บัณฑิตควรจะเชื่อม

818
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 819 (เล่ม 58)

คือเชื่อมต่อความเป็นเพื่อนและความเป็นมิตรกับบุคคลเห็นปานนี้
ผู้เกิดในตระกูล ผู้เอิบอิ่ม ไม่ยากจน ไม่มีความตระหนี่ ก็ใครเล่าจะ
เชื่อมต่อความเป็นมิตรกับท่านผู้เป็นหมองูยากจน.
ก็แหละวานรครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ผลุนผลันเข้าชัฏป่าไป.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า หมองูในครั้งนั้น ได้เป็นพระเถระแก่ ลิงในครั้งนั้น
ได้มาเป็นยามเณร ส่วนพ่อค้าข้าวเปลือกในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต
ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอหิตุณฑิกชาดกที่ ๕

819
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 820 (เล่ม 58)

๖. คุมพิยชาดก
เปรียบวัตถุกามเหมือนยาพิษ
[๗๗๘] ยักษ์ชื่อคุมพิยะเที่ยวหาเหยื่อของตนอยู่
ได้วางยาพิษอันมีสี กลิ่น และรสเหมือน
น้ำผึ้งไว้ในป่า.
[๗๗๙] สัตว์เหล่าใดมาสำคัญว่าน้ำผึ้ง กินยาพิษ
นั้นเข้าไป ยาพิษนั้นเป็นของร้ายแรงแก่สัตว์
เหล่านั้น สัตว์เหล่านั้นต้องพากันเข้าถึงความ
ตาย เพราะยาพิษนั้น.
[๗๘๐] ส่วนสัตว์เหล่าใดพิจารณาดูรู้ว่าเป็นยาพิษ
แล้วละเว้นเสีย สัตว์เหล่านั้น เมื่อสัตว์ที่
บริโภคยาพิษเข้ากระสับกระส่ายอยู่ ถูกฤทธิ์
ยาพิษแผดเผาอยู่ ก็เป็นผู้มีความสุข ดับ
ความทุกข์เสียได้.
[๗๘๑] วัตถุกามทั้งหลายฝังอยู่ในมนุษย์ บัณฑิต
พึงทราบว่าเป็นยาพิษ เหมือนกับยาพิษอัน
ยักษ์วางไว้ที่หนทางฉะนั้น กามคุณนี้ชื่อว่า
เป็นเหยื่อของสัตว์โลก และชื่อว่าเป็นเครื่อง

820