No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 781 (เล่ม 58)

ฉันไม่อาจทำบ่วงให้ขาด. บทว่า ภูมึ สุมฺภามิ ความว่า ฉันเอาเท้า
ตะกุยแผ่นดินที่บ่วงด้วยหวังว่าบ่วงจะขาดบ้าง. บทว่า เวคสา แปลว่า
ด้วยกำลังแรง. บทว่า ปริกนฺตติ ความว่า บ่วงตัดหนังเป็นต้นบาด
ไปรอบด้าน.
ลำดับนั้น นางเนื้อจึงกล่าวกะเนื้อนั้นว่า ข้าแต่สามี ท่าน
อย่ากลัวเลย ดิฉันจะอ้อนวอนนายพรานตามกำลังของตน จักนำชีวิต
มาเพื่อท่าน ถ้าดิฉันเมื่ออ้อนวอนจักอาจเป็นไปได้ ดิฉันจักให้แม้ชีวิต
ของดิฉันแล้วนำเอาชีวิตมาเพื่อท่าน แล้วปลอบโยนพระมหาสัตว์ให้
เบาใจแล้วได้ยืนชิดพระโพธิสัตว์ผู้มีตัวอาบด้วยโลหิต. ฝ่ายนายพราน
ถือดาบและหอกเดินมาดุจไฟลุกติดกัป. นางเนื้อเห็นนายพรานนั้นแล้ว
ปลอบโยนพระโพธิสัตว์นั้นว่า ข้าแต่สามี นายพรานเนื้อกำลังมา
ดิฉันจักกระทำตามกำลังของตน ท่านอย่ากลัว แล้วเดินสวนทางต่อ
นายพรานแล้วถอยไปยืน ณ ส่วนข้างหนึ่ง ไหว้นายพรานนั้นแล้ว
กล่าวคุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ว่า ข้าแต่นาย สามีของข้าพเจ้ามีผิว-
พระดุจทองคำ สมบูรณ์ด้วยศีลและอาจารมารยาท เป็นราชาของ
หมู่เนื้อแปดหมื่นตัว เมื่อพระยาเนื้อยังคงยืนอยู่นั่นแล เมื่อจะขอให้
ฆ่าตน จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
ข้าแต่นายพราน ท่านจงปูใบไม้ลง จง
ชักดาบออก จงฆ่าข้าพเจ้าก่อนแล้วจึงฆ่า
พระยาเนื้อต่อภายหลัง.

781
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 782 (เล่ม 58)

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปลาสานิ ความว่า ท่านจงปูใบ-
ไม้ทั้งหลาย เพื่อจะได้วางเนื้อ. บทว่า อสึ นิพฺพาห ความว่า ท่าน
จงชักดาบออกจากฝัก.
นายพรานได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่า คนที่เป็นมนุษย์ยังไม่ให้ชีวิต
ตนเพื่อประโยชน์แก่สามีได้เลย นางเนื้อนี้เป็นสัตว์ดิรัจฉานยัง
บริจาคชีวิตได้ ทั้งยังกล่าวเป็นภาษามนุษย์ด้วยเสียงอันไพเราะ วันนี้
เราจะให้ชีวิตของสามีแห่งนางเนื้อนี้ และชีวิตของนางเนื้อนี้ด้วย
ครั้นคิดฉะนั้นแล้ว ก็มีจิตเลื่อมใส จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
เราไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือได้เห็นเนื้อ
ที่พูดภาษามนุษย์ได้ แน่ะนางผู้มีหน้าอัน-
เจริญ ตัวท่านและพระยาเนื้อนี้จงเป็นสุขเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุตํ วา ทิฏฺฐํ วา ความว่า ใน
กาลก่อนแต่นี้ สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นหรือได้ฟังมาเห็นปานนี้ ย่อมไม่มี.
บทว่า ภาสนฺตึ มานุสึ มิคึ ความว่า เพราะในกาลก่อนแต่นี้
ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นเนื้อพูดวาจามนุษย์ได้เลย. บาลีว่า น จ เม สุตา
วา ทิฏฺฐา วา ภาสนฺตี มานุสี มิคี แปลว่า เนื้อพูดภาษามนุษย์
ข้าพเจ้าไม่ได้ยินได้ฟังหรือเห็นมาเลย ดังนี้ก็มี เนื้อความของบทบาลี
เหล่านั้น ย่อมปรากฏตามบาลีนั่นแหละ. นายพรานผู้เป็นบัณฑิต
ฉลาดในอุบายเรียกนางเนื้อนั้นว่า ภทฺเท แน่ะนางผู้มีหน้าอันเจริญ

782
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 783 (เล่ม 58)

ด้วยประการฉะนี้แล้ว ปลอบโยนนางเนื้อนั้นอีกว่า ท่านแม้ทั้งสองคือ
ตัวท่านและพระยาเนื้อนี้จงเป็นผู้มีความสุข ปราศจากทุกข์เถิด แล้ว
ได้ไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์ เอามีดตัดบ่วงที่หนัง ค่อย ๆ นำบ่วง
ที่ติดเท้าออก แล้วเอาเอ็นปิดเอ็น เอาเนื้อปิดเนื้อ เอาหนังปิดหนัง
แล้วเอามือบีบนวดเท้า. ด้วยอานุภาพบารมีที่พระโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญมา
ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาจิตของนายพราน และด้วยอานุภาพมิตรธรรม
ของนางเนื้อ บันดานให้เอ็น เนื้อและหนังติดกับเอ็น เนื้อ หนัง ใน
ขณะนั้นทันที. ฝ่ายพระโพธิสัตว์มีความสุข ปราศจากทุกข์ได้ยืนอยู่.
นางเนื้อเห็นพระโพธิสัตว์มีความสุขสบาย จึงเกิดความโสมนัส เมื่อ
จะกระทำอนุโมทนาแก่นายพราน จึงกล่าวคาถาที่ ๕ ว่า :-
ข้าแต่นายพราน วันนี้ข้าพเจ้าเห็นพระ-
ยาเนื้อหลุดพ้นมาได้แล้วชื่นชมยินดีอยู่
ฉันใด ขอให้ท่านพร้อมด้วยญาติทั้งปวงของ
ท่าน จงชื่นชมยินดี ฉันนั้น.
ด้วยบทว่า ลุทฺทก นี้ ในคาถานั้นนางเนื้อเรียก โดยอำนาจ
ชื่อที่ได้ด้วยการทำกรรมอันร้ายกาจ.
พระโพธิสัตว์คิดว่า นายพรานนี้เป็นที่พึ่งอาศัยของเรา แม้
เราก็ควรเป็นที่พึ่งอาศัยของนายพรานนี้บ้าง จึงมอบก้อนแก้วมณีให้
แก่นายพรานก้อนหนึ่งซึ่งตนได้พบในภาคพื้นที่เที่ยวหากิน แล้วให้
โอวาทแก่พรานนั้นว่า ดูก่อนสหาย ตั้งแต่นี้ไป ท่านอย่าได้กระทำ

783
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 784 (เล่ม 58)

บาปมีปาณาติบาตเป็นต้น จึงรวบรวมทรัพย์สมบัติเลี้ยงดูลูกเมียกระทำ
บุญมีทานและศีลเป็นต้น ด้วยก้อนแก้วมณีนี้เถิด แล้วก็เข้าป่าไป.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประชุมชาดกว่า นายพรานในครั้งนั้น ได้เป็นพระฉันนะ นางเนื้อ
ได้เป็นภิกษุณีสาว ส่วนพระยาเนื้อ ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสุวรรณมิคชาดกที่ ๙

784
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 785 (เล่ม 58)

๑๐. สุสันธีชาดก
ว่าด้วยนางผิวหอม
[๗๔๘] กลิ่นดอกไม้ติมิระหอมฟุ้งไป น้ำทะเล
คะนองใหญ่ พระนางสุสันธีอยู่ห่างไกลจาก
นครนี้ ข้าแต่พระเจ้าตัมพราช กามทั้งหลาย
เสียบแทงหัวใจข้าพระบาทอยู่.
[๗๔๙] ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านได้
เห็นเกาะเสรุมได้อย่างไร ดูก่อนนายอัคคะ
ความสมาคมของนางและท่านได้มีขึ้นอย่าง
ไร.
[๗๕๐] เมื่อพวกพ่อค้าผู้แสวงหาทรัพย์ ออก
ไปจากท่าชื่อภรุกัจฉะ พวกมังกรทำให้เรือ
แตกแล้ว เราได้ลอยไปกับแผ่นกระดาน.
[๗๕๑] พระนางสุสันธีมีกลิ่นพระกายหอมดุจ
แก่นจันทน์อยู่เป็นนิตย์น่าดูน่าชม ทรงเห็น
ข้าพระบาทเข้าแล้ว ปลอบโยนด้วยวาจาอัน
อ่อนหวาน ได้ทรงอุ้มข้าพระบาทด้วยแขน
ทั้งสองเหมือนกับมารดาอุ้มบุตรผู้เกิดจากอก
ฉะนั้น.

785
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 786 (เล่ม 58)

[๗๕๒] พระนางผู้มีพระเนตรอ่อนหวาน ทรง
บำรุงบำเรอข้าพระบาทด้วยข้าว น้ำ ผ้า
ที่นอน และแม้ด้วยพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า-
ตัมพราช ขอพระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้
เถิด.
จบ สุสันธีชาดกที่ ๑๐
อรรถกถาสุสันธีชาดกที่ ๑๐
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันอยากสึก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
วาติ คนฺโธ ติมิรานํ ดังนี้ :-
ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า
เธอกระสันอยากสึกจริงหรือ เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง พระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า เพราะเห็นอะไร เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะเห็น
มาตุคามประดับประดาแต่งตัว พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ธรรมดาว่ามาตุคามนี้ ใครๆ ไม่อาจรักษาไว้ได้ แม้โบราณกบัณฑิต
จะรักษาไว้ในสุบรรณพิภพ ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ อันภิกษุนั้นทูล
อาราธนาแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระราชาพระนามว่าตัมพราช ครองราชสมบัติอยู่
ในนครพาราณสี พระอัครมเหสีของพระเจ้าตัมพราชนั้น พระนามว่า

786
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 787 (เล่ม 58)

สุสันธี ทรงพระรูปโฉมอันล้ำเลิศ. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิด
ในกำเนิดสุบรรณพิภพ. ในกาลนั้น ได้มีเกาะนาคชื่อว่า เสรุมทวีป.
พระโพธิสัตว์อยู่ในสุบรรณพิภพ เกาะนี้. พระโพธิสัตว์ออกจาก
สุบรรณพิภพไปยังนครพาราณสี แปลงเพศเป็นมาณพ เล่นสกากับ
พระเจ้าตัมพราช. หญิงผู้เป็นปริจาริกาเห็นรูปสมบัติของมาณพนั้น
จึงทูตพระนางสุสันธีว่า มาณพชื่อเห็นปานนี้ เล่นสกากับพระราชา
ของเราทั้งหลาย. พระนางสุสันธีนั้นได้ฟังดังนั้น มีความประสงค์
จะดูมาณพนั้น วันหนึ่ง ทรงแต่งองค์แล้วเสด็จมายังสนามเล่นสกา
ประทับยืนอยู่ในระหว่างพวกนางปริจาริกาทรงแลดูมาณพนั้น. ฝ่าย
มาณพนั้นก็แลดูพระเทวี ชนทั้งสองต่างมีจิตปฏิพัทธ์กันและกัน.
พระยาสุบรรณทำลมให้ตั้งขึ้นในนครด้วยอานุภาพของตน มนุษย์
ทั้งหลายพากันออกจากพระราชนิเวศน์ เพราะกลัวเรือนพัง. พระยา
สุบรรณนั้นกระทำความมืดมนด้วยอานุภาพของตนแล้ว พาพระเทวี
มาทางอากาศ แล้วเข้าไปยังพิภพของตน ณ เกาะนาคทวีป. ชื่อว่า
คนผู้จะรู้สถานที่ที่พระนางสุสันธีเสด็จไป มิได้มีเลย. พระยาสุบรรณ
นั้นอภิรมย์อยู่กับพระนางสุสันธีนั้น ไปเล่นสกากับพระราชา. ก็
พระราชานั้นมีคนธรรพ์ ชื่อว่า อัคคะ. ท้าวเธอไม่ทรงทราบสถานที่
ที่พระเทวีเสด็จไป จึงตรัสเรียกคนธรรพ์นั้นมาแล้วทรงส่งไปด้วย
พระดำรัสว่า ดูก่อนพ่อคนธรรพ์ เธอจงไป จงเที่ยวไปตามทางบก
และทางน้ำให้ทั่วจนพบเห็นสถานที่ที่พระเทวีเสด็จไป. คนธรรพ์นั้น

787
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 788 (เล่ม 58)

ถือเอาเสบียงทางแล้วค้นหาไปตั้งแต่บ้านใกล้ประตูจนถึงท่าภารุกัจฉา.
ครั้งนั้น พ่อค้าชาวภารุกัจฉาจะแล่นเรือไปยังสุวรรณภูมิ. คนธรรพ์
นั้นจึงเข้าไปหาพ่อค้าเหล่านั้น แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นคนธรรพ์
นักขับร้องจักทำการขับร้องให้แก่พวกท่าน โดยหักเป็นค่าเรือ ของท่าน
ทั้งหลายจงพาข้าพเจ้าไปด้วย. พ่อค้าเหล่านั้นรับว่าได้ แล้วให้เขา
ขึ้นไปยังเรือแม้นั้นแล้วออกเรือไป. เมื่อเรือแล่นไปแล้ว พ่อค้า
เหล่านั้นจึงเรียกคนธรรพ์นั้นมาแล้วกล่าวว่า จงทำการขับร้องให้แก่
พวกเรา. คนธรรพ์กล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าจะทำการขับร้องไซร้ ก็เมื่อ
กำลังขับร้องอยู่ฝูงปลาทั้งหลายจักเคลื่อนไหว เมื่อเป็นเช่นนั้นเรือ
ของท่านทั้งหลายจักแตก. พวกพ่อค้ากล่าวว่า เมื่อกระทำการขับร้อง
อยู่ในทางของมนุษย์ ชื่อว่าพวกปลาจะเคลื่อนไหวย่อมไม่มี ท่านจง
ขับร้องเถอะ. คนธรรพ์จึงกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายอย่าโกรธ
ข้าพเจ้า. แล้วแก้พิณออกทำการขับร้องให้เสียงดีดพิณเข้ากับเสียงขับ
และให้เสียงขับเข้ากับเสียงดีดพิณ. ปลาทั้งหลายเคลิบเคลิ้มเพราะ
เสียงนั้นจึงพากันเคลื่อนไหว. ครั้งนั้น มังกร (ชนิดของปลา) ตัวหนึ่ง
กระโดดตกลงไปในเรือทำให้เรือแตก. นายอัคคะนั้นนอนอยู่ในแผ่น-
กระดานลอยไปตามลมจนถึงแหล่งของต้นไทรอันเป็นสุบรรณพิภพ
ณ เกาะนาคทวีป. ฝ่ายพระนางสุสันธีเทวี ในเวลาที่พระยาสุบรรณไป
เล่นสกากับพระราชา ก็ลงจากวิมานเดินเที่ยวไปที่ชายฝั่ง เห็นคน-
ธรรพ์ชื่อว่าอัคคะนั้น ทรงจำได้ จึงถามว่า ท่านมาได้อย่างไร ?

788
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 789 (เล่ม 58)

คนธรรพ์นั้นจึงทูลให้ทราบทั้งหมด. พระนางสุสันธีจึงปลอบโยน
คนธรรพ์นั้นว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านอย่ากลัวไปเลย แล้วเอาแขน
ทั้งสองโอบอุ้มขึ้นไปยังวิมาน ให้นอนบนที่นอน ในเวลาที่นาย
อัคคะกระปรี้กระเปล่าขึ้นแล้ว ก็ให้โภชนาหารทิพย์ ให้อาบน้ำหอม-
ทิพย์ ให้นุ่งห่มผ้าทิพย์ ประดับด้วยของหอมและดอกไม้ทิพย์ แล้วกลับ
ใหันอนบนที่นอนทิพย์อีก. พระนางปฏิบัติคนธรรพ์นั้น ด้วยประการ
อย่างนี้ เวลาพระยาสุบรรณมา ก็ปกปิดไว้เสีย เวลาพระยาสุบรรณ
ไป ก็อภิรมย์ด้วยอำนาจกิเลสกับคนธรรพ์นั้น. จากนั้น ล่วงไปได้
กึ่งเดือน พ่อค้าชาวเมืองพาราณสีมาถึงที่โคนต้นไทร ในเกาะนั้น
เพื่อต้องการจะเอาฟืนและน้ำ. นายอัคคะนั้นนั่งเรือไปยังนครพาราณสี
กับพระเทวีนั้น ได้เฝ้าพระราชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครั้นในเวลา
พระยาสุบรรณนั้นมาเล่นสกาจึงถือพิณ เมื่อจะขับร้องถวายพระราชา
จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า
กลิ่นดอกติมิระฟุ้งตลบไป น้ำทะเล
ก็กึกก้องคนองลั่น พระนางสุสันธีอยู่ห่าง
ไกลนครนี้แท้ ข้าแต่พระเจ้าคัมพราช กาม
ทั้งหลายเสียบแทงหัวใจข้าพระบาทอยู่.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ติมิรานํ ได้แก่ ดอกของ
ต้นติมิระ. เขาว่า มีต้นติมิระล้อมรอบต้นไทรนั้น. นายอัคคคนธรรพ์
กล่าวอย่างนั้น โดยหมายเอาต้นติมิระเหล่านั้น. บทว่า กุสมุทฺโท

789
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ – หน้าที่ 790 (เล่ม 58)

ได้แก่ น้ำทะเล. บทว่า โฆสวา แปลว่า มีเสียงดังลั่น. นายอัคค-
คนธรรพ์กล่าวอย่างนั้น โดยเอาทะเลใกล้ ๆ ต้นไทรนั้นเท่านั้น. บทว่า
อิโต หิ แปลว่า จากนครนี้. นายอัคคนธรรพ์เรียกพระราชาว่า
ตมฺพ. อีกอย่างหนึ่ง ด้วยบทว่า ตมฺพกามา นี้ ท่านแสดงว่า
กามที่พระเจ้าตัมพราชทรงใคร่ ชื่อว่า ตัมพกาม กามนั้นเสียบแทง
หัวใจข้าพระบาทอยู่.
พระยาสุบรรณได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านได้
เห็นเกาะเสรุมะได้อย่างไร ดูก่อนนายอัคคะ
ความสมาคมของนางและท่านได้มีขึ้นอย่าง
ไร.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เสรุมํ ได้แก่ เกาะชื่อเสรุมะ.
ลำดับนั้น อัคคคนธรรพ์ได้กล่าวคาถา ๓ คาถาว่า :-
เมื่อพวกพ่อค้าผู้แสวงหาทรัพย์ ออก
ไปจากท่าชื่อภรุกัจฉา พวกมังกรทำให้เรือ
แตก เราได้ลอยไปกับแผ่นกระดาน
พระนางสุสันธีมีกลิ่นภายหอมดังแก่น
จันทน์อยู่เป็นนิจ ผู้น่าดูน่าชม ทรงเห็น
ข้าพระบาทผู้ข้ามห้วงมหรรณพได้เพราะแผ่น

790