พาลทารกเด็กอ่อนนั้นร้องไห้ถึงพระจันทร์ที่มีอยู่ ส่วนสามีของดิฉัน
ตายแล้ว บัดนี้ ไม่ปรากฏอยู่ แม้เขาเอาหลาวแทงเผาอยู่ก็ไม่รู้อะไร ๆ.
ท้าวสักกะได้ทรงสดับถ้อยคำของภรรยา แล้วจึงตรัสถามทาสี
ว่า ดูก่อนแม่ เขาเป็นอะไรแก่เจ้า ? ทาสีตอบว่า ข้าแต่นาย เขา
เป็นนายของดิฉัน. ท้าวสักกะตรัสว่า เจ้าจักได้ถูกบุรุษนี้เบียดเบียน
โบยตีแล้วใช้สอยเป็นแน่ เพราะฉะนั้น เจ้าจึงไม่ร้องไห้เพราะคิดว่า
บุรุษนี้พ้นไปเสียดีแล้ว. ทาสีกล่าวว่า นายท่านอย่าพูดอย่างนั้น คำที่
ท่านพูดนี้ไม่สมควรแก่นายดิฉันนี้ ลูกเจ้านายของดิฉัน เพียบพร้อมด้วย
ขันติ เมตตา และความเอ็นดู ได้เป็นผู้เสมือนบุตรที่ดิฉันให้เจริญ
เติบโตในอก. ท้าวสักกะตรัสว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร เจ้าจึง
ไม่ร้องไห้. ฝ่ายทาสีนั้น เมื่อจะบอกเหตุที่ไม่ร้องไห้แก่ท้าวสักกะนั้น
จึงกล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :-
หม้อน้ำที่แตกแล้ว เชื่อมให้สนิทอีก
ไม่ได้ ฉันใด การที่บุคคลเศร้าโศกถึงผู้ที่ละ
ไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น นาย
ของดิฉันถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้
ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้า
โศกถึงนายนั้น คติของตนมีอย่างใด นาย
ของดิฉันก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น