No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 232 (เล่ม 56)

เช่นนี้ ก็จักเป็นเหมือนกาลเป็นที่จมลงแห่งกระโหลกน้ำเต้า
แม้ด้วยประการทั้งปวง ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่
มหาบพิตร เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๓ เถิด มหาบพิตร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นศิลาแท่งทึบใหญ่
ขนาดเรือนยอดลอยน้ำเหมือนดังเรือ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้
พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในกาลเช่นนั้นเหมือนกัน
ด้วยว่าในครั้งนั้น พระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมทั้งหลาย จัก
พระราชทานยศแก่คนไม่มีสกุล พวกนั้นจักเป็นใหญ่ พวกมีสกุล
จักตกยาก ใคร ๆ จักไม่ทำความเคารพในพวกมีสกุลนั้น จัก
กระทำความเคารพในพวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของ
กุลบุตรฉลาดในการวินิจฉัย ผู้หนักแน่น เช่นกับศิลาทึบ จัก
ไม่หยั่งลง ดำรงมั่นในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระราชา หรือ
ในที่ประชุมอำมาตย์ หรือในโรงศาล เมื่อพวกนั้นกำลังกล่าว
พวกนอกนี้จักคอยเยาะเย้ยว่า พวกนี้พูดทำไม แม้ในที่ประชุม
ภิกษุ พวกภิกษุก็จักไม่เหล่าภิกษุมีศีลเป็นที่รัก ผู้ควรทำความ
เคารพว่าเป็นสำคัญ ในฐานะต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้ว ทั้งถ้อยคำ
ของภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้น ก็จักไม่หนักแน่นมั่นคง จัก
เป็นเหมือนเวลาเป็นที่เลื่อนลอยแห่งศิลาทั้งหลายฉะนั้น ภัยแม้มี
สุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร เชิญตรัสเล่าพระสุบิน
ข้อที่ ๑๔ เถิด มหาบพิตร.

232
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 233 (เล่ม 56)

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงเขียดตัวเล็ก ๆ
ขนาดดอกมะซาง วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ ๆ กัดเนื้อขาดเหมือน
ตัดก้านบัวแล้วกลืนกิน นี้เป็นสุบินข้อที่ ๑๔ อะไรเป็นผลแห่ง
สุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งแม้สุบินข้อนี้ ก็จักมีในอนาคต ใน
เมื่อโลกเสื่อมโทรมดุจกัน ด้วยว่าในครั้งนั้น พวกมนุษย์จะมี
ราคะจริตแรงกล้า ชาติชั่ว ปล่อยตัวปล่อยใจ ตามอำนาจของกิเลส
จักต้องเป็นไปในอำนาจแห่งภรรยาเด็ก ๆ ของตน ผู้คนมีทาส
และกรรมกรเป็นต้นก็ดี สัตว์พาหนะมีโคกระบือเป็นต้นก็ดี
เงินทองก็ดี บรรดามีในเรือนทุกอย่าง จักต้องอยู่ในครอบครอง
ของพวกนางทั้งนั้น เมื่อพวกสามีถามถึงเงินทอง โน้น ๆ ว่าอยู่
ที่ไหน หรือถามถึงจำนวนสิ่งของว่ามีที่ไหนก็ดี พวกนางจักพา
กันตอบว่า มันจะอยู่ที่ไหน ๆ ก็ช่างเถิด กงการอะไรที่ท่านจะ
ตรวจตราเล่า ท่านเกิดอยากรู้สิ่งที่มีอยู่ และไม่มีอยู่ในเรือน
ของเราละหรือ แล้วจักด่าด้วยประการต่าง ๆ ทิ่มตำเอาด้วยหอก
คือปาก กดไว้ในอำนาจดังทาสและคนรับใช้ ดำรงความเป็นเจ้า
เป็นใหญ่ของตนไวสืบไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จักเป็นเหมือนเวลา
ที่ฝูงเขียดขนาดดอกมะซาง พากันขยอกกินฝูงงูเห่า ซึ่งมีพิษ
แล่นเร็วฉะนั้น ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็จักไม่มีแก่มหาบพิตร
ดอก เชิญตรัสบอกนิมิตรที่ ๑๕ เถิด.

233
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 234 (เล่ม 56)

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงพญาหงษ์ทอง
ที่ได้นามว่า ทองเพราะมีขนเป็นสีทอง พากันแวดล้อมกา ผู้
ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ เที่ยวหากินตามบ้าน
อะไรเป็นผลแห่งพระสุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคต ในรัชกาล
ของพระราชาผู้ทุรพลนั่นแหละ ด้วยว่าในภายหน้าพระราชา
ทั้งหลาย จักไม่ฉลาดในศิลปะมีหัสดีศิลปะเป็นต้น ไม่แกล้วกล้า
ในการยุทธ ท้าวเธอจักไม่พระราชทานความเป็นใหญ่ให้แก่พวก
กุลบุตรที่มีชาติเสมอกัน ผู้รังเกียจความวิบัติแห่งราชสมบัติ
ของพระองค์อยู่ จักพระราชทานแก่พวกพนักงานเครื่องสรง
และพวกกัลบกเป็นต้น ซึ่งอยู่ใกล้บาทมูลของพระองค์ พวกกุลบุตร
ผู้สมบูรณ์ด้วยชาติ และโคตร เมื่อไม่ได้ที่พึ่งในราชสกุล ก็ไม่
สามารถเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ จักพากันปรนนิบัติบำรุงฝูงชนที่ไม่มี
สกุล มีชาติและโคตรทราม ผู้ดำรงอิสริยยศ จักเป็นเหมือนฝูง
พญาหงษ์ทอง แวดล้อมเป็นบริวารกา ฉะนั้น ภัยแม้มีสุบินนี้
เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๖ ต่อไป
เถิด มหาบพิตร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในกาลก่อน ๆ เสือเหลือง พากัน
กัดกินฝูงแกะ แต่หม่อมฉันได้เห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง
กัดกินอยู่มุ่มม่ำ ๆ ทีนั้นเสืออื่น ๆ คือเสือดาว เสือโคร่ง เห็น
ฝูงแกะอยู่ห่าง ๆ ก็สะดุ้งกลัว ถึงความสยดสยองพากันวิ่งหนี

234
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 235 (เล่ม 56)

หลบเข้าพุ่มไม้และป่ารก ซุกซ่อนเพราะกลัวฝูงแกะ หม่อมฉัน.
ได้เห็นอย่างนี้ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในรัชกาลแห่งพระ-
ราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่าในครั้งนั้น
พวกไม่มีสกุลจักเป็นราชวัลลภ เป็นใหญ่เป็นโต พวกคนมีสกุล
จักอับเฉาตกยาก ราชวัลลภเหล่านั้นพากันยังพระราชาให้ทรง
เชื่อถือถ้อยคำของตน มีกำลังในสถานที่ราชการ มีโรงศาล
เป็นต้น ก็พากันรุกเอาที่ดินไร่นาเรือกสวนเป็นต้น อันตกทอด
สืบมาของพวกมีสกุลทั้งหลายว่า ที่เหล่านี้เป็นของพวกเรา
เมื่อพวกผู้มีสกุลเหล่านั้นโต้เถียงว่า ไม่ใช่ของพวกท่าน เป็น
ของพวกเรา แล้วพากันมาฟ้องร้องยังโรงศาลเป็นต้น พวก
ราชวัลลภก็พากันบอกให้เฆี่ยนตีด้วยหวายเป็นต้น จับคอไส
ออกไป พร้อมกับข่มขู่คุกคามว่า พ่อเจ้าไม่รู้ประมาณตน มาหา
เรื่องกับพวกเรา เดี๋ยวจักไปทูลพระราชา ให้ลงพระราชอาญา
ต่าง ๆ มีตัดตีน ตัดมือ เป็นต้น พวกผู้มีสกุลกลัวเกรงพวก
ราชวัลลภ ต่างก็ยินยอมให้ที่ทางที่เป็นของตน ว่า ที่ทางเหล่านี้
ถ้าเป็นของท่าน ก็เชิญครอบครองเถิด แล้วพากันกลับบ้านเรือน
ของตนนอนหวาดผวาไปตาม ๆ กัน แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลาย
เล่า ก็จักพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ตามชอบใจ
พวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้น ไม่ได้ที่พำนัก ก็พากันเข้าป่า
แอบแฝงอยู่ในที่รก ๆ ข้อที่กุลบุตรผู้มีชาติสกุลทั้งหลาย และ

235
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 236 (เล่ม 56)

ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักทั้งหลาย ถูกคนชาติชั่ว และถูกภิกษุผู้
ลามกทั้งหลาย เข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้ จักเป็นเหมือนกาลที่
พวกเสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลาย พากันหลบหนีเพราะกลัว
ฝูงแกะฉะนั้น ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร
ด้วยสุบินนี้ ที่มหาบพิตรเห็นแล้ว ปรารภอนาคตทั้งนั้น แต่พวก
พราหมณ์มิได้ทำนายสุบินนั้นด้วยความจงรักภักดีในพระองค์
โดยถูกต้องเท่าที่ถูกที่ควร ทำนายไปเพราะอาศัยการเลี้ยงชีพ
เพราะเห็นแก่อามิสว่า พวกเราจักได้ทรัพย์กันมาก ๆ ครั้นทรง
ทำนายผลแห่งสุบินใหญ่ ๆ ๑๖ ข้อ อย่างนี้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อน
มหาบพิตร มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่บพิตรได้เห็นสุบินเหล่านี้
แม้พระราชาทั้งหลายแต่ก่อน ๆ ก็ได้ทรงเห็นแล้วเหมือนกัน.
แม้พวกพราหมณ์ ก็ถือเอาสุบินเหล่านี้ นับเข้าในยอดยัญพิธี
อย่างนี้เหมือนกัน ภายหลังอาศัยคำแนะนำที่พวกเป็นบัณฑิต
พากันกราบทูล จึงถามพระโพธิสัตว์ แม้ท่านโบราณกบัณฑิต
ทั้งหลาย เมื่อทำนายสุบินเหล่านี้ แก่พระราชาเหล่านั้น ก็พากัน
ทำนายทำนองนี้แหละ อันพระเจ้าปเสนทิโกศลทูลอาราธนา จึง
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์
เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤๅษี ให้อภิญญาสมาบัติเกิดแล้ว ได้
ประลองฌานอยู่ในหิมวันตประเทศ ในครั้งนั้น ณ พระนคร

236
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 237 (เล่ม 56)

พาราณสี พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นพระสุบินเหล่านี้ โดยทำนอง
นี้เหมือนกัน มีพระดำรัสถามพวกพราหมณ์. พวกพราหมณ์
ปรารภจะบูชายัญอย่างนี้เหมือนกัน. บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น
ท่านปุโรหิตมีศิษย์เป็นบัณฑิตฉลาด กล่าวกะอาจารย์ว่า ท่าน
อาจารย์ครับ คัมภีร์พระเวทย์ทั้ง ๓ ท่านอาจารย์ให้ผมเรียนจบ
แล้ว ในพระเวทย์ทั้ง ๓ คัมภีร์นั้น ข้อที่ว่า การฆ่าคนหนึ่งแล้ว
ทำให้เกิดความสวัสดีแก่อีกคนหนึ่ง ไม่มีเลยมิใช่หรือ ขอรับ ?
ท่านอาจารย์ตอบว่า พ่อคุณ ด้วยอุบายนี้ทรัพย์จำนวนมากจัก
เกิดแก่พวกเรา ส่วนเจ้าชะรอยอยากจะรักษาพระราชทรัพย์
กระมัง ? มาณพกล่าวว่า ท่านอาจารย์ครับ ถ้าเช่นนั้น พวกท่าน
จงกระทำงานของพวกท่านไปเถิด กระผมจักกระทำอะไรใน
สำนักของพวกท่านได้ แล้วเดินเรื่อยไปจนถึงพระราชอุทยาน.
ในวันนั้นเอง แม้พระบรมโพธิสัตว์ก็รู้เหตุนั้น คิดว่า วันนี้ เมื่อ
เราไปถึงถิ่นมนุษย์ ความพ้นจากการจองจำจักมีแก่มหาชน
ดังนี้แล้วจึงเหาะมาทางอากาศ ลงที่อุทยานนั่งเหนือแผ่นศิลาอัน
เป็นมงคล ประหนึ่งรูปที่หล่อด้วยทองฉะนั้น. มาณพเข้าไปหา
พระโพธิสัตว์ ไหว้แล้ว นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ได้ทำการต้อนรับ
พระโพธิสัตว์. แม้พระโพธิสัตว์ ก็ได้ทำการปฏิสันถารอย่าง
ไพเราะกับเขาแล้ว ถามว่า เป็นอย่างไรเล่าหนอพ่อมาณพ
พระราชายังจะเสวยราชสมบัติโดยธรรมอยู่หรือ ? มาณพ
กราบเรียนว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระราชายังได้พระนาม

237
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 238 (เล่ม 56)

ว่า ธรรมิกราชอยู่ดอกครับ ก็แต่ว่า พวกพราหมณ์กำลังชักจูง
พระองค์ให้วิ่งไปผิดทาง พระราชาทรงเห็นพระสุบิน ๑๖ ข้อ
ตรัสบอกแก่พวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์กล่าวว่า พวกเราจัก
ต้องบูชายัญ แล้วเตรียมการทันที พระคุณเจ้าผู้เจริญขอรับ
การที่พระคุณเจ้าทำให้พระราชาทรงเข้าพระทัยว่า ขึ้นชื่อว่า
ผลแห่งสุบินนี้เป็นอย่างนี้ แล้วช่วยให้มหาชนพ้นจากภัย จะมิควร
หรือขอรับ ? พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พ่อมาณพ เราเองก็ไม่รู้จัก
พระราชา พระราชาเล่าก็มิได้ทรงรู้จักเรา ถ้าพระองค์เสด็จ
มาถาม ณ ที่นี้ เราพึงบอกแก่พระองค์ได้. มาณพกราบเรียนว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมจักนำพระองค์เสด็จมา ขอ
พระคุณเจ้าได้โปรดนั่งรอการมาของกระผมสักครู่หนึ่ง นะขอรับ
ขอให้พระโพธิสัตว์ปฏิญญาแล้ว ก็ไปสู่พระราชสำนัก กราบทูล
ว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ดาบสผู้เที่ยวไปในอากาศได้องค์หนึ่ง
ลงมาในอุทยานของพระองค์ กล่าวว่า จักทำนายผลของพระสุบิน
ที่พระองค์ทรงเห็น กำลังรอพระองค์อยู่. พระราชาทรงสดับ
คำของมาณพนั้น ก็รีบเสด็จไปพระอุทยาน ด้วยบริวารเป็น
อันมากทันที ทรงไหว้พระดาบสแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง มีพระดำรัสถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ได้ยินว่า พระคุณเจ้าทราบผลแห่งสุบินที่กระผมเห็นหรือ ?
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมภาพ
ทราบ. พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นนิมนต์พระคุณเจ้าทำนาย

238
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 239 (เล่ม 56)

เถิด. พระโพธิสัตว์ กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมา-
ภาพจะทำนายถวาย เชิญมหาบพิตรตรัสเล่าพระสุบินตามที่
ทรงเห็นให้อาตมาภาพฟังก่อนเถิด. พระราชาตรัสว่า ดีละ
พระคุณเจ้าผู้เจริญ พลางตรัสว่า :-
โคอุสุภราช ๑ ต้นไม้ทั้งหลาย ๑ แม่โค
ทั้งหลาย ๑ โคทั้งหลาย ๑ ม้า ถาดทอง ๑
นางสุนัขจิ้งจอก ๑ ตุ่มน้ำ ๑ โบกขรณี ๑ ข้าวไม่สุก
๑ จันทน์แดง ๑ น้ำเต้าจม ๑ ศิลาลอย ๑ เขียด
ขยอกงู ๑ หงษ์ทองล้อมกา ๑ เสือดาว เสือโคร่ง
กลัวแพะจริง ๆ ๑ ดังนี้.
แล้วตรัสบอกสุบิน ตามนัยที่พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสบอก
นั่นเอง แม้พระโพธิสัตว์ ก็ทำนายผลแห่งสุบินเหล่านั้น โดย
พิสดารตามทำนองที่พระศาสดาทรงทำนายในบัดนี้แหละ ใน
ที่สุดถวายพระพรดังนี้ ด้วยตนเองว่า จะเป็นไปต่อเมื่อโลกถึง
จุดเสื่อม ยังไม่มีในยุคนี้.
อรรถาธิบาย ในคำนั้น มีดังนี้ คือ ดูก่อนมหาบพิตร
ผลแห่งพระสุบินเหล่านั้น มีดังนี้ คือ การบบูชายัญที่กำลังดำเนินไป
เพื่อปัดเป่าพระสุบินเหล่านั้น ย่อมดำเนินไปผิดหลักเกณฑ์
ท่านกล่าวอธิบายว่า ย่อมเป็นไปอย่างผิดตรงกันข้าม ความเสื่อม
จากความจริง. เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ผลแห่งสุบินเหล่านี้
จักมีในกาลที่โลกถึงจุดเสื่อม คือในกาลที่ต่างถือเอาข้อที่มิใช่

239
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 240 (เล่ม 56)

เหตุว่าเป็นเหตุ ในกาลที่ทิ้งเหตุเสีย ว่ามิใช่เหตุ ในกาลที่ถือเอา
ข้อที่ไม่จริง ว่าเป็นจริง ในกาลที่ละทิ้งข้อที่จริงเสียว่าไม่เป็นจริง
ในกาลที่พวกอลัชชี มีมากขึ้น และในกาลที่พวกลัชชี ลดน้อย
ถอยลง ยังไม่มีในยุคนี้ หมายความว่าแต่ผลของพระสุบินเหล่านี้
ยังไม่มีในบัดนี้ คือในรัชกาลของมหาบพิตร หรือในศาสนาของ
ตถาคตนี้ ในยุคนี้ คือในชั่วบุรุษปัจจุบันนี้ เพราะเหตุนั้น การ
บูชายัญที่กำลังดำเนินไป เพื่อปัดเป่าผลแห่งพระสุบินเหล่านี้
จึงเป็นไปโดยคลาดเคลื่อน เลิกการบูชายัญนั้นเสียเถิด ภัยหรือ
ความสะดุ้งอันมีพระสุบินนี้เป็นเหตุ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร. พระ-
มหาบุรุษทำพระราชาให้เบาพระทัย ปลดปล่อยมหาชนจากการ
จองจำแล้ว กลับเหาะขึ้นอากาศ ถวายโอวาทแด่พระราชา ชักจูง
ให้ดำรงมั่นในศีล ๕ แล้วถวายพระพรว่า ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป
มหาบพิตรอย่าได้ร่วมคิดกับพราหมณ์บูชายัญ ที่มีชื่อว่า ปสุ-
ฆาตยัญ (ยัญฆ่าสัตว์) อีกต่อไป ครั้นแสดงธรรมแล้ว
กลับไปที่อยู่ของตนทางอากาศนั่นแล. ฝ่ายพระราชาตั้งอยู่ใน
โอวาทของพระโพธิสัตว์ ทรงทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วเสด็จ
ไปตามยถากรรม.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
ตรัสให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเลิกบูชายัญ ด้วยพระพุทธดำรัส
ว่า เพราะพระสุบินเป็นปัจจัย ภัยยังไม่มีแก่มหาบพิตรดอก
มหาบพิตรจงสั่งให้เลิกยัญเสียเถิด พระราชทาน ชีวิตทาน

240
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 241 (เล่ม 56)

แก่มหาชน แล้วทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า พระราชาใน
ครั้งนั้นได้มาเป็นพระอานนท์ในครั้งนี้ มาณพได้มาเป็นพระ-
สารีบุตร ส่วนพระดาบส ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
ก็และครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย ยกบททั้ง ๓ มีอสุภาเป็นอาทิขึ้น
สู่อรรถกถา กล่าวบททั้ง ๕ มีลาวูนิเป็นอาทิ ยกขึ้นสู่บาลีเอกนิบาต
ด้วยประการฉะนี้.
จบ อรรถกถามหาสุบินชาดกที่ ๗

241