เป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ชื่อว่าเป็นบัณฑิตเพราะอรรถที่กล่าวแล้ว คำที่
เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
บทว่า พหุสฺสุโต ความว่า ชื่อว่าเป็นพหูสูต ด้วยอำนาจความเป็น
พหูสูตในทางปริยัติ ชื่อว่า พหุสสุตะ เพราะได้สดับสุตตะและเคยยะ
เป็นต้นมาก และชื่อว่าทรงไว้ซึ่งธรรม เพราะทรงธรรมนั้นนั่นแหละไว้
ไม่ให้พินาศไป เหมือนน้ำมันเหลวแห่งราชสีห์ ที่เขาใส่ไว้ในภาชนะ
ทองคำฉะนั้น.
บทว่า ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี ความว่า ชื่อว่าประพฤติ
ธรรมสมควรแก่ธรรม เพราะรู้อรรถรู้ธรรม ตามที่ฟังมา ตามที่เรียนมา
แล้วประพฤติ คือปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่โลกุตรธรรม ๙ ธรรมต่าง
ด้วยปาริสุทธิศีล ธุดงค์และอสุภกรรมฐานเป็นต้น กล่าวคือปุพพภาค-
ปฏิปทา คือประพฤติหวังการแทงตลอดว่า วันนี้ วันนี้แหละ ดังนี้.
บทว่า โส ตาทิโส นาม จ โหติ ปณฺฑิโต ความว่า บุคคลใด
เป็นพหูสูต ทรงธรรมและประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม เพราะอาศัย
ครูใด บุคคลผู้นั้นแลเป็นผู้เช่นนั้น คือเป็นเสมือนกับครูนั้น ชื่อว่าเป็น
บัณฑิต เพราะมีภาวะแห่งการปฏิบัติเหมือนกัน.
ก็ข้อที่บุคคลผู้เป็นเช่นนั้น พึงเป็นผู้วิเศษเพราะรู้ธรรมทั้งหลุดนั้น
มีเนื้อความกล่าวไว้แล้วแล.
บทว่า อตฺถญฺจ โย ชานาติ ภาสิตสฺส ความว่า บุคคลใด ย่อม
รู้อรรถแห่งพระปริยัติธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้ว ก็เมื่อรู้ ย่อม
รู้อรรถตามที่กล่าวแล้วในธรรมนั้น ๆ ว่า ศีล ตรัสไว้ในที่นี้ สมาธิ ตรัส