บทว่า อทนฺตํ ความว่า ไม่ได้ฝึก คือยังไม่ศึกษาการศึกษาของ
ช้าง.
บทว่า นวคฺคหํ ได้แก่ ถือเอาไม่นาน.
บทว่า องฺกุสคฺคโห ได้แก่นายหัตถาจารย์. บทว่า พลวา ได้แก่
มีกำลัง ด้วยกำลังกายและกำลังญาณ. บทว่า อาวตฺเตติ อกามํ ความว่า
ให้เจ้าผู้ไม่ปรารถนาอยู่นั่นแล กลับโดยการห้าม.
บทว่า เอวํ อาวตฺตยิสฺสํ ความว่า นายหัตถาจารย์จักให้ช้างตามที่
กล่าวกลับฉันใด เราจักให้จิตชั่วนั้นกลับจากการเกียดกันทุจริตฉันนั้น.
บทว่า วรหยทมกุสโล ความว่า เป็นผู้ฉลาดในการฝึกม้าที่ควรฝึก
ทั้งหลายอันสูงสุด. แต่นั้นนายสารถีผู้ประเสริฐ คือผู้วิเศษสุดในบรรดา
นายสารถีผู้ฝึกม้าที่ควรฝึก ย่อมฝึกม้าอาชาไนยคือม้าที่ควรฝึก คือย่อม
ทรมาน คือย่อมแนะนำด้วยคำอ่อนหวานและคำหยาบ ตามสมควรแก่กาละ
และเทศะ ได้แก่กระทำให้ละพยศ.
บทว่า ปติฏฺฐิโต ปญฺจสุ พเลสุ ความว่า เป็นผู้ตั้งอยู่แล้วในพละ ๕
มีศรัทธาเป็นต้น จักฝึกคือจักทรมานจิตนั้นด้วยการห้ามจากความเป็นผู้
ไม่ศรัทธาเป็นต้น.
บทว่า สติยา ตํ นิพนฺธิสฺสํ ความว่า ดูก่อนจิตชั่ว เราเมื่อไม่ให้
ไปในภายนอกจากอารมณ์อันเป็นภายในแล้ว จักผูกพันจิตนั้นที่เสาคือ
กรรมฐาน ด้วยเชือกคือสติ.
บทว่า ปยุตฺโต เต ทเมสฺสามิ ความว่า เราผูก คือประกอบขวน
ขวาย ที่เสาคือกรรมฐานนั้น แล้วฝึกเจ้า คือจักให้เจ้าหมดจดจากมลทิน
คือกิเลส.