No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 286 (เล่ม 51)

เรือนอบกาย โรงไฟ โรงเก็บน้ำและห้องอาบน้ำ
ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์. ข้าพเจ้าได้ถวายปัจจัยนี้ทุก
อย่างคือ ตั่ง เตียง ภาชนะ เครื่องใช้สอยและยา
ประจำวัด. ข้าพเจ้าครั้นเริ่มตั้งอารักขา ก็ให้สร้างกำ-
แพงอย่างมั่นคง ขออะไร ๆ อย่าได้เบียดเบียนท่าน
เลย ข้าพเจ้าได้สร้างที่อยู่อาศัย ให้ท่านผู้มีจิตสงบ
ผู้คงที่ไว้ในสังฆาราม ด้วยทรัพย์จำนวนแสน สร้างที่
อยู่อาศัยนั้นอย่างไพบูลย์แล้ว ได้น้อมถวายพระสัม-
มาสัมพุทธเจ้าว่า ข้าพระองค์สร้างพระอารามสำเร็จ
แล้ว ข้าแต่พระมุนี ขอพระองค์จงทรงรับ ข้าพระ-
องค์จักถวายพระอารามนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงมี
ความเพียร ผู้ทรงมีจักษุ ขอพระองค์ทรงรับพระ
วิหารนั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นนายก ทรงทราบความดำริ
ของข้าพเจ้าแล้ว ทรงรับเครื่องบูชาทั้งหลาย ทรงรับ
พระอารามนั้น. ข้าพเจ้าได้ทราบการทรงรับ ของพระ
สรรเพชญ์ผู้แสวงหาพระคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว ได้เตรียม
โภชนะไว้ ได้ทูลให้ทรงทราบเวลาแห่งภัต. เมื่อข้าพ-
เจ้าทูลให้ทรงทราบเวลาแล้ว พระปทุมุตตรพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นนายก พร้อมด้วยพระขีณาสพพันหนึ่ง ได้
เสด็จเข้าไปสู่อารามของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้ารู้กาลเวลาที่

286
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 287 (เล่ม 51)

พระองค์และพระขีณาสพทั้งหลาย ประทับนั่งแล้ว
จึงได้ให้ท่านเหล่านั้นอิ่มหนำสำราญ ด้วยข้าวและน้ำ
ครั้นทราบกาลเวลาที่เสวยแล้ว จึงได้ทูลคำนี้ว่า อา-
รามซึ่งว่า โสภณะ ข้าพระองค์ ซื้อด้วยทรัพย์แสน
หนึ่ง สร้างด้วยทรัพย์จำนวนเท่านั้นเหมือนกัน ข้าแต่
พระมุนีเจ้า ขอพระองค์จงทรงรับอารามนั้น. ด้วย
การถวายอารามนี้ และด้วยเจตนาและประณิธาน ข้า-
พระองค์เมื่อเกิดในภพ ขอให้ได้สิ่งที่ข้าพระองค์
ปรารถนา. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นทรงรับสัง-
ฆารามที่สร้างเรียบร้อยแล้ว ได้ประทับนั่งที่ท่ามกลาง
สงฆ์ ได้ตรัสคำนี้ไว้ว่า เขาผู้ใด ได้มอบถวาย
สังฆารามที่สร้างเรียบร้อยแล้ว แด่พระพุทธเจ้า เรา
ตถาคตจะกล่าวสรรเสริญเขาผู้นั้น ขอท่านทั้งหลายจง
ฟังคำของเรา ผู้กล่าวอยู่. จตุรงคเสนา คือ พล
ช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า จักแวดล้อม
ผู้นี้อยู่เป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งการถวายสังฆาราม.
เครื่องดุริยางค์หกหมื่น และกลองทั้งหลาย ที่ตกแต่ง
ไว้อย่างเหมาะสม จักประโคม ห้อมล้อมผู้นี้อยู่
เป็นนิจ นี้เป็นผลของการถวายสังฆาราม. หญิงสาว
แปดหมื่นหกพันนางแต่งตัวอย่างสวยสม นุ่งห่มพัส-
ตราภรณ์ที่สวยงาม ประดับประดาด้วยแก้วมณี และ

287
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 288 (เล่ม 51)

แก้วกุณฑล มีขนตางอน หน้าตายิ้มแย้ม มีตะโพก
ผึ่งผาย เอวบางร่างน้อย ห้อมล้อมผู้นี้เป็นนิจ
นี้เป็นผลของการถวายสังฆาราม. ผู้นี้จักรื่นเริงใจ
อยู่ในเทวโลกเป็นเวลาสามหมื่นกัป จักเป็นท้าวสักกะ
เสวยเทวราชสมบัติถึงพันครั้ง จักได้เสวยสมบัติทั้ง-
หมด ที่ราชาแห่งทวยเทพจะพึงประสบ จักเป็นผู้มี
โภคทรัพย์ไม่บกพร่อง เสวยเทวราชสมบัติ จักเป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ ในแว่นแคว้นตั้งพันครั้ง เสวย
ราชสมบัติอันไพบูลย์ในแผ่นดิน นับครั้งไม่ถ้วน. ใน
(อีก) แสนกัป จักมีพระศาสดาในโลก ผู้ทรงสมภพ
ในราชตระกูลโอกกากราช พระนามว่า โคตมะ โดย
พระโคตร. พระองค์จักทรงมีพุทธชิโนรส ผู้เป็นธรรม
ทายาท ที่พระธรรมเนรมิตขึ้น เป็นพุทธสาวกโดย
นามว่า อุบาลี. เธอจักบำเพ็ญบารมีในพระวินัย เป็น
ผู้ฉลาดในฐานะ และอฐานะ ดำรงไว้ซึ่งพระศาสนา
ของพระชินะ และเป็นผู้หาอาสวะมิได้. พระสมณ-
โคดมผู้ล้ำเลิศในหมู่ศากยะ ทรงรู้ยิ่งซึ่งสิ่งทั้งหมดนี้
แล้ว จักประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ ทรงแต่ง
ตั้งเธอไว้ในเอตทัคคะ. ข้าพระองค์ปรารถนาคำสั่งสอน
ของพระองค์ โดยหมายเอาประโยชน์ใดที่นับไม่ถ้วน
ประโยชน์นั้นคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง

288
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 289 (เล่ม 51)

ข้าพระองค์ได้บรรลุแล้ว. คนต้องราชทัณฑ์ถูกหลาว
แทง เมื่อไม่ประสบความสบายเพราะหลาวก็ปรารถนา
จะให้พ้นไปทีเดียว ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้า-
พระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ต้องอาชญาของภพ ถูก
หลาวคือกรรมแทง ถูกเวทนาคือความหิวระหาย
รบกวน ไม่ประสบความสำราญในภพ ข้าพระองค์
ถูกไฟ ๓ กองเผาลน จึงแสวงหาความรอดพ้น ดุจผู้
ต้องราชทัณฑ์ฉะนั้น ชายผู้กล้าหาญถูกยาเบื่อ เขาจะ
เสาะแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ ที่จะแก้ยาเบื่อรักษา
ชีวิตไว้ เมื่อแสวงหาก็จะพบยาขนานศักดิ์สิทธิ์ที่แก้
ยาเบื่อได้ ครั้นดื่มยานั้นแล้วก็จะสบาย เพราะรอดพ้น
ไปจากพิษยาเบื่อ ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นเหมือนนรชนผู้ถูกยาเบื่อ ถูก
อวิชชาบีบคั้นแล้ว ต้องแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์
คือพระสัทธรรม เมื่อแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือ
พระธรรม ก็ได้พบคำสั่งสอนของพระศากยมุนี คำ-
สั่งสอนนั้นล้ำเลิศกว่าโอสถทุกอย่าง บรรเทาลูกศร
ทั้งมวลได้ ครั้นดื่มธรรมโอสถที่ถอนพิษทุกอย่างได้
แล้ว ข้าพระองค์ก็สัมผัสพระนิพพาน ที่ไม่แก่ไม่ตาย
มีภาวะเยือกเย็น คนที่ถูกผีสิงเดือดร้อนเพราะเคราะห์
คือผี ต้องเสาะแสวงหาหมอไล่ผี เพื่อให้รอดพ้นจากผี

289
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 290 (เล่ม 51)

เมื่อแสวงหาก็พึงพบหมอผู้ฉลาดในทางภูตวิทยา หมอ
นั้นต้องขับภูตผีพร้อมทั้งมูลเหตุให้เขา เพื่อให้พินาศ
ไป ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน เดือดร้อนเพราะเคราะห์คือความมืด เสาะ
แสวงหาแสงสว่างคือญาณ เพื่อให้รอดพ้นจากความ
มืด จึงได้พบพระศากยมุนี ผู้ทรงกำจัดความมืด คือ
กิเลสออกไปได้ พระองค์ได้ทรงกำจัดความมืดให้ข้า
พระองค์เหมือนหมอผี ขับผีฉะนั้น ข้าพระองค์ตัดทอน
กระแสแห่งสงสารได้ขาด กั้นกระแสตัณหาไว้ได้
ถอนภพทั้งหมดขึ้นได้ เหมือนหมอผีขับผีออกไปโดย
มูลเหตุฉะนั้น นกครุฑโฉบเอางูไปเป็นอาหารของตน
ยังสระใหญ่ร้อยโยชน์ โดยรอบให้กระเพื่อม มันจับงู
ได้แล้ว จะจิกให้ตายเอาหัวห้อยลงพาบินหนีไป ตาม
ที่นกต้องการฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์
ก็เช่นนั้นเหมือนกัน เป็นเหมือนนกครุฑที่มีกำลัง เมื่อ
แสวงหาอสังขตธรรม ข้าพระองค์คายโทสะออกไป
แล้ว ได้เห็นสันติบทที่เป็นธรรมอันประเสริฐ อย่าง
ยอดเยี่ยม นำเอาพระธรรมนั้นไปพำนักอยู่ เหมือน
นกครุฑนำเอางูไปพักอยู่ฉะนั้น เถาวัลลี ชื่อ อาสาวดี
เกิดในสวนจิตรลดา เถาวัลลีนั้น หนึ่งพันปีจึงจะออก
ผล ๑ ผล ทวยเทพจะพากันเฝ้าแหนผลของเถาอาสาวดี

290
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 291 (เล่ม 51)

นั้น เมื่อมันมีผลระยะนานขนาดนั้น เถาวัลลีนั้นจึง
เป็นที่รักของทวยเทพ เมื่อเป็นอย่างนี้ เถาอาสาวดี
จึงเป็นเถาวัลลีชั้นยอด ข้าแต่พระมุนี ข้าพระองค์
หมายใจไว้แสนกัป ขอบำรุงพระองค์ นมัสกาลทั้งเช้า
ทั้งเย็น เหมือนทวยเทพมุ่งหมายเถาอาสาวดีฉะนั้น
การปรนนิบัติและการนมัสการของข้าพระองค์ ไม่
เป็นหมันไม่เป็นโมฆะ ข้าพระองค์ผู้สงบแล้ว แม้มา
แต่ไกลก็ไม่แคล้วคลาดขณะไปได้ ข้าพระองค์ค้นหา
อยู่ก็ไม่พบปฏิสนธิในภพ ข้าพระองค์ปราศจากอุปธิ
หลุดพ้นแล้ว สงบระงับแล้ว ท่องเที่ยวไปอยู่ อุปมา
เสมือนว่า ดอกปทุมบานเพราะแสงพระอาทิตย์ฉันใด
ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์ก็เช่นนั้นเหมือนกัน
เบิกบานแล้ว เพราะพุทธรัศมี ในกำเนิดนกกระยาง
จะไม่มีตัวผู้ ทุกครั้งที่ฟ้าร้อง มันจะตั้งท้องทุกคราว
ตั้งท้องอยู่นาน จนกว่าฟ้าจะไม่ร้อง จะพ้นจากภาระ
(ตกฟอง) ต่อเมื่อฝนตกฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ได้ตั้งครรภ์คือพระธรรม เพราะเสียงฟ้า
คือพระธรรม ที่ร้องเพราะเมฆคือพระธรรมของพระ
ปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระองค์ทรงครรภ์คือ
บุญอยู่ เป็นเวลาแสนกัป จะพ้นภาระ (คลอด) จนกว่า
ฟ้าคือพระธรรมจะหยุดร้อง ข้าแต่พระศากยมุนี เมื่อใด

291
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 292 (เล่ม 51)

พระองค์ (ผู้เสมือนฟ้า) ทรงร้องที่กรุงกบิลพัสดุ์
บุรีรมย์ เมื่อนั้น ข้าพระองค์จึงจะพ้นจากภาระ เพราะ
ฟ้าคือพระธรรม (หยุดร้อง) ข้าพระองค์ได้คลอด
พระธรรมทั้งหมด เหล่านี้ คือ สุญญตะ (วิโมกข์) ๑
อนิมิตตะ (วิโมกข์) ๑ และอปณิหิตะ (วิโมกข์) ๑
(โลกุตระ) ผล ๔ อย่าง ๑.
ข้าพระองค์ปรารถนาคำสั่งสอนของพระองค์
มุ่งหมายถึงประโยชน์อันใด ที่นับประมาณไม่ถ้วน
ประโยชน์นั้นคือสันติบท (พระนิพพาน) อันยอด
เยี่ยม ข้าพระองค์ได้บรรลุแล้ว ข้าพระองค์ไม่มี
ผู้เสมอเหมือน ข้าพระองค์ประสบบารมีในพระวินัย
แล้ว จำทรงคำสอนไว้ได้ เหมือนภิกษุผู้แสวงหาคุณ
ผู้เป็นนักพูดแม้ฉะนั้น ข้าพระองค์ไม่มีความเคลือบ-
แคลง ในพระวินัยทั้ง ๕ คัมภีร์ คือทั้งขันธกะและที่
แบ่งออกเป็น ๓ คัมภีร์ (จุลวรรค มหาวรรค และ
บริวารวรรค) หรือทั้งในอักขระ ทั้งในพยัญชนะ
ในพระวินัยนี้ ข้าพระองค์เป็นผู้ฉลาด ทั้งในนิคคห-
กรรม ปฏิกรรม ฐานะและอฐานะ โอสารณกรรม และ
วุฏฐาปนกรรม ถึงบารมีในพระวินัยทั้งหมด อีกอย่าง
หนึ่ง ข้าพระองค์ยกบทขึ้นมาตั้งแล้ว ไขความออกไป
โดยกิจ ๒ อย่าง แล้ววางไว้ในขันธกะ ในพระวินัย
ข้าพระองค์เป็นผู้ฉลาดล้ำในนิรุตติศาสตร์ ฉลาดทั้ง

292
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 293 (เล่ม 51)

ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีสิ่ง
ที่ข้าพระองค์ไม่รู้ ข้าพระองค์เป็นผู้เลิศผู้หนึ่งใน
พระศาสนาของพระศาสดา วันนี้ ข้าพระองค์เป็นผู้
ฉลาดในรูป บรรเทาข้อกังขาทุกอย่าง ตัดความสงสัย
ทั้งสิ้นในพระศาสนาของพระสมณศากยบุตร ทั้งที่
เป็นบท (ใหญ่) บทย่อย ทั้งที่เป็นอักขระเป็นพยัญชนะ
ข้าพระองค์เป็นผู้ฉลาดในทุกอย่าง ทั้งในเบื้องต้น
ทั้งในเบื้องปลาย พระราชาผู้ทรงมีกำลัง ทรงกำราบ
การรบกวนของผู้อื่น ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงให้
สร้างพระนครขึ้น ณ ที่นั้น ทรงให้สร้างกำแพงบ้าง
คูบ้าง เสาเขื่อนบ้าง ซุ้มประตูบ้าง ป้อมบ้าง นานา
ชนิด เป็นจำนวนมากไว้ในพระนครนั้น ทรงให้สร้าง
ทางสี่แยก สนาม ตลาดจ่าย และสภาสำหรับวินิจฉัย
สิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ไว้ในพระนคร
นั้นพระองค์ทรงตั้งเสนาและอำมาตย์ไว้ เพื่อปราบหมู่
อมิตร เพื่อรู้ช่องทางและมิใช่ช่องทาง และเพื่อรักษา
พลนิกายไว้ พระองค์ทรงตั้งคนผู้ฉลาดในการเก็บ
สิ่งของให้เป็นภัณฑารักษ์ไว้ เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าสิ่งของ
ด้วยพระราชประสงค์ว่า สิ่งของของเราอย่าได้สูญหาย
ไป ผู้ใดสำเร็จ (การศึกษา) แล้ว และปรารถนา
ความเจริญแก่พระราชาพระองค์ใด พระราชาพระองค์

293
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 294 (เล่ม 51)

นั้น จะประทานเรื่องให้เขา เพื่อปฏิบัติต่อมิตร (ประ-
ชาชน). เมื่อนิมิตเกิดขึ้น พระองค์จะทรงตั้งผู้ฉลาด
ในลักษณะทั้งหลาย ผู้เป็นนักศึกษาและจำทรงมนต์
ไว้ได้ ให้ดำรงอยู่ในความเป็นปุโรหิต ผู้สมบูรณ์ด้วย
องค์คุณเหล่านี้ เรียกว่ากษัตริย์ พวกเขาจะพากัน
พิทักษ์รักษาพระราชาทุกเมื่อ เหมือนนกจากพรากรักษา
ญาติตนที่เป็นทุกข์ฉะนั้น ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ
พระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทรงเป็นเสมือนกษัตริย์
ผู้กำจัดอมิตรได้แล้ว เรียกได้ว่า พระธรรมราชาของชาว
โลกพร้อมทั้งเทวโลก พระองค์ทรงกำจัดเหล่าเดียรถีย์
บ้าง มารพร้อมทั้งเสนาบ้าง ความมืดมนอนธการบ้าง
ได้แล้ว ได้ทรงเนรมิตนครธรรมขึ้น ทรงทำศีลให้เป็น
กำแพง ทรงทำพระญาณของพระองค์ให้เป็นซุ้มประตู
ไว้ที่พระนครนั้น ข้าแต่พระธีรเจ้า สัทธาของ
พระองค์เป็นเสาระเนียด การสังวรเป็นนายทวารบาล
สติปัฏฐานเป็นป้อม ข้าแต่พระมุนี พระปัญญาของ
พระองค์เป็นสนาม และพระองค์ได้ทรงสร้างธรรมวิถี
มีอิทธิบาทเป็นทางสี่แยก พระวินัย ๑ พระสูตร ๑
พระอภิธรรม ๑ พระพุทธพจน์ทั้งสิ้นมีองค์ ๙ นี้เป็น
ธรรมสภาของพระองค์ สุญญตวิหารสมาบัติ ๑
อนิมิตตวิหารสมาบัติ ๑ อปณิหิตสมาบัติ ๑ อเนญช-

294
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ – หน้าที่ 295 (เล่ม 51)

ธรรม ๑ นิโรธธรรม ๑ นี้เป็นกุฎีธรรมของพระองค์
ธรรมเสนาบดีของพระองค์ มีนามว่า สารีบุตร ผู้ถูก
ยกย่องว่าเป็นผู้เลิศทางปัญญา และเป็นผู้ฉลาดใน
ปฏิภาณ ข้าแต่พระมุนี ปุโรหิตของพระองค์ มีนามว่า
โกลิตะ ผู้ฉลาดในจุตูปปาตญาณ ผู้ถึงบารมีด้วยฤทธิ์
ข้าแต่พระมุนี ผู้พิพากษาของพระองค์ มีนามว่า
กัสสปะ เป็นผู้เลิศในธุดงค์คุณเป็นต้น เป็นผู้ทรงไว้
ซึ่งวงศ์เก่าแก่ มีเดชสูงยากที่จะเข้าถึงได้ ข้าแต่พระ-
มุนี ผู้รักษา (คลัง) พระธรรมของพระองค์ มีนามว่า
อานนท์ เป็นพหูสูต ทรงจำพระธรรมไว้ได้ และรู้
ปาฐะทุกอย่างในพระศาสนา พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้
ทรงเป็นมหาฤๅษี ทรงตั้งพระเถระเหล่านั้นไปทั้งหมด
แล้วทรงมอบหมายการวินิจฉัย (อธิกรณ์) ที่ท่านผู้เป็น
ปราชญ์แสดงไว้แล้ว ในพระวินัยให้แก่ข้าพเจ้า
พุทธสาวกรูปใดรูปหนึ่งก็ตาม ถามปัญหาในพระวินัย
ข้าพเจ้าไม่มีความคิดในเรื่องนั้น ว่าจะบอกเรื่องอื่น
นั่นแหละแก่เขาในพุทธเขต มีพุทธสาวกประมาณเท่า
ใดในพุทธสาวกจำนวนเท่านั้น ไม่มีผู้เสมอกับข้าพเจ้า
ในทางพระวินัย เว้นไว้แต่พระมหามุนี และผู้ยิ่งกว่า
จักมีแต่ที่ไหน พระสมณโคดมประทับนั่ง ณ (ท่าม
กลาง) ภิกษุสงฆ์ทรงเปล่งพระสุรเสียงอย่างนี้ ว่า พระ

295