พิเศษอย่างนี้ คุณของพระธรรมน่าอัศจรรย์ สมบัติแห่งพระศาสดาของเรา
ทั้งหลาย น่าอัศจรรย์ ก็ความปฏิบัติชอบของพระสงฆ์ ย่อมเป็นอันพระเถระ
ประกาศแล้ว ด้วยการประกาศสมบัติของพระธรรมนั่นเอง.
พระเถระแสดงการทำให้แจ้งซึ่งพระธรรม อันตนแสดงแล้ว ด้วย
สามารถแห่งคุณสมบัติทั่วไปอย่างนี้ บัดนี้มุ่งจะให้น้อมเข้าไปในตนจึงกล่าวคาถา
มีอาทิว่า อสงฺเขยฺเยสุ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสงฺเขยฺเยสุ ได้แก่ในมหากัปทั้งหลาย
ที่ล่วงพ้นคลองแห่งการนับ.
บทว่า สกฺกายา ได้แก่อุปาทานขันธ์ ๕. อธิบายว่า อุปาทานขันธ์ ๕
เหล่านั้น โดยปรมัตถ์ ท่านเรียกว่า สักกายะ เพราะเป็นที่ประชุมแห่งธรรม
ของท่านผู้รู้.
บทว่า อหุ ความว่า บัณฑิตผู้ยังไม่ไปปราศ (จากสักกายทิฏฐิ)
เพราะยังไม่ประสบอุบายเป็นเครื่องยังสักกายทิฏฐิให้กลับ ได้มีแล้ว.
บทว่า เตสมยํ ปจฺฉิมโก จริโมยํ สมุสฺสโย ความว่า เพราะ
เหตุพระกุมารกัสสปนี้เป็นรูปสุดท้าย แห่งพระสาวกเหล่านั้น เพราะเหตุนั้นแล
ร่างกายนี้จึงนับว่าเป็นร่างกายอันมีในที่สุด ฉะนั้น สงสารอันประกอบด้วยชาติ
และมรณะ อันบัณฑิตหมายรู้กันว่า เป็นลำดับแห่งขันธ์เป็นต้น เป็นสงสาร
ที่มีในที่สุด บัดนี้ คือ ต่อไป ภพใหม่จึงชื่อว่าไม่มี เพราะไม่มีภพต่อไปอีก.
อธิบายว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย.
จบอรรถกถากุมารกัสสปเถรคาถา