อยู่ด้วยคิดว่า จักฟังธรรม เมื่อเราแสดงธรรมอยู่ ใน
ที่ใกล้หูของท่านเช่นนี้ ท่านอย่ามัวนั่งโงกง่วงอยู่ ดู-
ก่อนกัปปฏะ เธอนั่งโงกง่วงอยู่ในท่ามกลางสงฆ์เช่นนี้
ไม่รู้จักประมาณเลย ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อยมิติ กปฺปโฏ กปฺปโฏกุโร ความว่า
ภิกษุชื่อว่า กัปปฏกุระ มีวิตกที่ผิด ๆ เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เราจะนุ่งห่มผ้า
เปื้อนเก่า ๆ ของเรานี้ จักเลี้ยงชีพตามมีตามเกิด เมื่อน้ำใสคืออมตธรรม
ของเรา มีอยู่เต็มเปี่ยมในหม้ออมตะ คือเมื่อหม้ออมตะของเรา กำลังหลั่งน้ำคือ
พระธรรมอยู่ในที่นั้น ๆ ได้แก่ เมื่อเรายังน้ำอมฤต คือพระธรรมให้ตกลงด้วย
การประกาศไปโดยคำมีอาทิว่า เราจะสั่งสอน เราจะแสดงธรรม ให้สัตวโลก
ได้บรรลุอมตธรรม เมื่อสัตวโลกมืดมนมหันธการ เราจะบรรเลงกลองชัยเภรี
คืออมตะ ทางที่เราทำไว้ เพื่อสั่งสมฌานทั้งโลกีย์และโลกุตระ คือทางที่เราแผ้ว
ถาง ได้แก่มรรคภาวนาที่จัดแจงไว้เพื่อเป็นแนวทาง นี้เป็นคำสอนของเรา แม้
ถึงอย่างนั้น พระกัปปฏกุระ ก็เป็นเพียงกากของพระธรรม คือเป็นผู้มีจิตกระสัน
มีใจเหินห่างจากศาสนธรรมของเรา เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้น
เตือนเธอแล้ว เมื่อจะแสดงการอยู่อย่างผู้ประมาทของเธอแม้อีกครั้งหนึ่ง
เหมือนจับโจรได้พร้อมของกลาง จึงตรัสพระคาถาว่า มา โข ตฺวํ กปฺปฏ
ปจาเลสิ ดูก่อนกัปปฎะ เธออย่ามัวมานั่งโงกง่วงอยู่เลย ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มา โข ตฺวํ กปฺปฏ ปจาเลสิ
ความว่า ดูก่อนกัปปฏกุระ เธออย่ามัวนั่งโงกง่วงอยู่เลย คืออย่านั่งสัปหงก
ได้แก่ อย่าเข้าถึงความหลับด้วยคิดว่า เราจักฟังธรรม.