ในคำนั้น มีวินิจฉัยดังนี้ สังวร คือ ปาฎิโมกข์ชื่อว่าปาฎิโมกขสังวร.
ภิกษุผู้สำรวม คือประกอบด้วยปาฏิโมกขสังวรนั้น เหตุนั้น ภิกษุนั้น จึงชื่อว่า
ผู้สำรวมด้วยปาฏิโมกขสังวร.
บทว่า วิหรติ แปลว่า เป็นไป. สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัส ไว้ในวิภังค์ว่า บทว่า ปาฏิโมกข์ ได้แก่ ศีลอันเป็นที่อาศัย เป็นเบื้องต้น
เป็นจรณะ เป็นเครื่องสำรวม เป็นเครื่องระวัง เป็นหัวหน้า เป็นประธาน
เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย. บทว่า สังวร ได้แก่ การไม่ล่วง
ละเมิดทางกาย การไม่ล่วงละเมิดทางวาจา การไม่ล่วงละเมิดทางกายและวาจา.
บทว่า เป็นผู้สำรวมแล้ว มีอธิบายว่า เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดี
เข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดี เช้าถึงแล้ว เข้าถึงแล้วด้วยดี ประกอบ
แล้วด้วยปาฏิโมกขสังวรนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า เป็นผู้สำรวมแล้วด้วย
ปาฏิโมกขสังวร. บทว่า อยู่ มีอธิบายว่า สืบเนื่องกันอยู่ ประพฤติเป็นไปอยู่
รักษาอยู่ เป็นไปอยู่ ให้เป็นไปอยู่ เที่ยวไปอยู่ พักอยู่ ด้วยเหตุนั้น จึง
เรียกว่า อยู่*.
บทว่า อาจารโคจรสมฺปนฺโน มีความว่า ละอโคจรมีหญิงแพศยา
เป็นต้น ด้วยอาจาระที่ป้องกันมิจฉาชีพ มีการไม่ให้ไม้ไผ่เป็นต้น แล้วถึง
พร้อมด้วยโคจร มีสกุลที่สมบูรณ์ด้วยศรัทธาเป็นต้น ชื่อว่า ผู้ถึงพร้อมด้วย
อาจาระและโคจร.
คำว่า อนุมตฺเตสุ วชฺเชส ภยทสฺสาวี ได้แก่ ผู้มีปรกติเห็นภัย
ในโทษทั้งหลายมีประมาณเล็กน้อย มีคำอธิบายว่า มีปรกติเห็นโทษเหล่านั้น
โดยความเป็นภัย.
* อภิ. วิ. ๓๕/๓๓๑.