No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 505 (เล่ม 49)

บำเพ็ญสุจริตต่อ ๆ มา ผลบุญ คือ บุญย่อมเจริญ คือ เต็มเปี่ยม
ยิ่ง ๆ ขึ้น.
เมื่อพระเถระกล่าวอย่างนี้ พระราชามีพระหทัยสะดุ้งจาก
ทุกข์ ในอบาย มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย และบุญธรรม
เจริญยิ่ง ต่อแต่นั้น จึงสมาทาน สรณะและศีล จึงตรัสคำมีอาทิว่า
ดิฉัน ขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะในวันนี้แหละ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอตาทิโส ได้แก่ มีรูปตามที่กล่าว
แล้วนี้. บทว่า เวสาลิยํ อญฺญตโร อุปาสโก ความว่า เป็นอุบาสก
คนหนึ่ง ในบรรดาอุบาสกหลายพันคนในเมืองเวสาลี. บทว่า สทฺโธ
เป็นต้น ท่านกล่าวเพื่อแสดงความที่พระเจ้าอัมพสักขระนั้น เป็น
โดยประการอื่นจากภาวะที่มีในก่อน เพราะอาศัยกัลยาณมิตร. จริงอยู่
ในกาลก่อน พระเจ้าอัมพสักขระนั้น เป็นผู้ไม่มีศรัทธา เป็นคน
หยาบช้า ด่าภิกษุทั้งหลาย และไม่ใช่เป็นอุปัฏฐากของสงฆ์ แต่บัดนี้
เป็นผู้มีศรัทธาอ่อนโยน และอุปัฏฐากภิกษุสงฆ์ในกาลนั้น โดย
เคารพ. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า การกโร ได้แก่ผู้กระทำอุปการะ.
บทว่า อุโภปิ ได้แก่ ชนทั้ง ๒ คน คือ บุรุษผู้ถูกหลาวเสียบ
และพระราชา. บทว่า สามญฺญผลานิ อชฺฌคุํ ได้แก่ ผู้บรรลุ
สามัญญผลตามสมควร. เพื่อจะแสดงตามสมควร. ท่านจึงกล่าวคำนี้
ไว้ว่า บุรุษผู้ถูกหลาวเสียบ ได้บรรลุพระอรหัตตผล ส่วนพระเจ้า
อัมพสักขระ ได้บรรลุผลน้อยกว่า. ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น ด้วย

505
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 506 (เล่ม 49)

บทว่า ผลํ กนิฏฐํ ท่านกล่าวหมายถึงโสดาปัตติผล แต่ในที่นี้ เมื่อ
ว่าโดยอรรถ คำที่ท่านไม่ได้จำแนกไว้ รู้ได้ง่ายทีเดียว.
ท่านพระกัปปิตก ได้ไปถึงกรุงสาวัตถี เพื่อถวายบังคม
พระศาสดา จึงได้กราบทูลความที่พระราชา เปรต และตน กล่าว
แล้วอย่างนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระศาสดา ทรงกระทำ
เรื่องนั้น ให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุ แล้วแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึง
พร้อมแล้ว เทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชน ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอัมพสักขรเปตวัตถุที่ ๑

506
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 507 (เล่ม 49)

๒. เสรีสกเปตวัตถุ
[๑๒๒] ขอท่านทั้งหลายจงฟังคำเจรจาของเทวดา และ
พวกพ่อค้า ฯลฯ
(พึงดูในเรื่องที่ ๑๐ แห่งสุนิกขิตตวรรคที่ ๗ ในวิมานวัตถุ)
จบ เสริสสกเปตวัตถุที่ ๒
อรรถกถาเสรีสกเปตวัตถุที่ ๒
เรื่องเสรีสกเปรตนี้ มีคำเริ่มต้น สุโณถ ยกฺขสฺส วาณิชามญฺจ
ดังนี้. เพราะเหตุที่เรื่องนั้น ไม่พิเศษไปกว่าเรื่องเสรีสกวิมาน
ฉะนั้น คำที่ควรจะกล่าวในอัตถุปปัตติเหตุ และในคาถานั้น พระ-
อรรถกถาจารย์ ได้กล่าวไว้แล้วในอรรถกถาวิมานวัตถุ ชื่อ
ปรมัตถทีปนี ฉะนั้น พึงทราบโดยนัยที่ได้กล่าวไว้แล้ว ในอรรถกถา
วิมานวัตถุนั้น ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาเสรีสกเปตวัตถุที่ ๒

507
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 508 (เล่ม 49)

๓. นันทกเปตวัตถุ
ว่าด้วยขัดขวางการให้ทานไปเกิดเป็นเปรต
[๑๒๓] มีพระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนาม
ว่าปิงคละเป็นใหญ่ในสุรัฏฐประเทศ เสด็จไป
เฝ้าเจ้าพระโมริยะแล้ว กลับมาสู่สุรัฏฐประเทศ
เสด็จมาถึงที่มีเปือกตม ในเวลาเที่ยงซึ่งเป็น
เวลาร้อน ทอดพระเนตรเห็นทางอันรื่นรมย์ เป็น
ทางที่เปรตเนรมิตไว้ จึงตรัสบอกนายสารถีว่า
ทางนี้น่ารื่นรมย์ เป็นทางปลอดภัย มีความสวัสดี
ไม่มีอุปัทวันตราย ดูก่อนนายสารถี ท่านจงตรง
ไปทางนี้แหละ เมื่อเราไปโดยทางนี้ จักถึงเขต
เมืองสุรัฏฐะเร็วทีเดียว พระเจ้าสุรัฏฐ์ได้เสด็จไป
โดยทางนั้น พร้อมด้วยจตุรงคเสนา บุรุษคนหนึ่ง
สะดุ้งตกใจกลัว ได้กราบทูลพระเจ้าสุรัฏฐ์ว่า
พวกเราเดินทางผิด เป็นทางน่ากลัวขนพอง
สยองเกล้า เพราะทางปรากฏเฉพาะข้างหน้า แต่
ข้างหลังไม่ปรากฏ พวกเราเดินทางผิดเสียแล้ว
พวกเราเห็นจะเดินมาใกล้สำนักพวกอมนุษย์
กลิ่นอมนุษย์ฟุ้งไป ข้าพระองค์ได้ยินเสียงอัน
พิลึกน่าสะพึงกลัว พระเจ้าสุรัฏฐ์ทรงสะดุ้ง

508
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 509 (เล่ม 49)

พระทัย ตรัสกะนายสารถีว่า พวกเราเดินทางผิด
เสียแล้ว เป็นทางน่ากลัวขนพองสยองเกล้า
เพราะทางปรากฏเฉพาะข้างหน้า แต่ข้างหลังไม่
ปรากฏ พวกเราเดินทางผิด พวกเราเห็นจะเดิน
มาใกล้สำนักพวกอมนุษย์ กลิ่นอมนุษย์ย่อมฟุ้ง
ไป เราได้ยินเสียงอันน่าสะพึงกลัว แล้วเสด็จ
ขึ้นสู่คอช้าง ทอดพระเนตรไปในทิศทั้ง ๔ ได้
ทรงเห็นต้นไทรต้นหนึ่ง มีร่มเงาชิดสนิทดี เขียว
ชอุ่มดุจสีเมฆ มีสีและสัณฐานคล้ายเมฆ จึงรับสั่ง
กะนายสารถีว่า ป่าใหญ่เขียวชอุ่มดุจสีเมฆ มีสี
และสัณฐานคล้ายเมฆปรากฏอยู่นั่นใช่ไหม.
นายสารถีกราบทูลว่า :-
ข้าแต่พระมหาราชา นั่นเป็นต้นไทร มี
ร่มเงาชิดสนิทดี เขียวชอุ่ม มีสีและสัณฐาน
คล้ายเมฆ.
พระเจ้าสุรัฏฐ์เสด็จเข้าไปจนถึงต้นไทร
ใหญ่ที่ปรากฏอยู่ แล้วเสด็จลงจากคอช้าง เสด็จ
เข้าไปสู่ต้นไทร ประทับนั่งที่โคนต้น พร้อมด้วย
หมู่อำมาตย์ราชบริพาร ได้ทอดพระเนตรเห็น
ขันน้ำมีน้ำเต็ม และขนมอันหวานอร่อย บุรุษ
มีเพศดังเทวดา ประดับด้วยสรรพาภรณ์ เข้าไป

509
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 510 (เล่ม 49)

เฝ้าพระเจ้าสุรัฏฐ์แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระ-
หาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว และพระองค์
ไม่ได้เสด็จมาร้าย ข้าแต่พระองค์ผู้กำจัดศัตรู
เชิญพระองค์เสวยน้ำและขนมเถิด พระเจ้าข้า.
พระเจ้าสุรัฏฐ์พร้อมด้วยอำมาตย์และข้า-
ราชบริพาร พากันดื่มน้ำและกินขนมแล้ว จึง
ถามว่า ท่านเป็นเทพ เป็นคนธรรพ์ หรือเป็น
ท้าวสักกปุรินททะ พวกเราไม่รู้จักท่าน จึงจะ
ขอถาม พวกเราพึงรู้จักท่านอย่างไร.
นันทกเปรตกราบทูลว่า :-
ข้าแต่พระมหาราชา ข้าพระองค์ไม่ใช่
เทวดา ไม่ใช่คนธรรพ์ ไม่ใช่ท้าวสักกปุรินททะ
ข้าพระองค์เป็นเปรต จากประเทศสุรัฏฐ์มาอยู่
ที่นี่.
พระราชาตรัสถามว่า :-
เมื่อก่อน ท่านอยู่ในประเทศสุรัฏฐ์ มีปกติ
อย่างไร มีความประพฤติอย่างไร ท่านมีอานุภาพ
อย่างนี้ เพราะพรหมจรรย์อะไร.
นันทกเปรตตอบว่า :-
ข้าแต่พระมหาราชาผู้กำจัดศัตรู ผุ้ผดุงรัฐ
ให้เจริญ ขอพระองค์ อำมาตย์ราชบริพารและ

510
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 511 (เล่ม 49)

ปุโรหิต จงสดับฟัง ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ
เมื่อก่อน ข้าพระองค์เป็นบุรุษอยู่ในเมืองสุรัฏฐ์
เป็นคนใจบาป เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นคนทุศีล
ตระหนี่ บริภาษสมพราหมณ์ทั้งหลาย ห้าม
ปรามมหาชนซึ่งพากันทำบุญให้ทาน ทำอันตราย
แก่หมู่ชนเหล่าอื่นผู้กำลังให้ทาน ได้ห้ามว่า
ผลแห่งทานไม่มี ผลแห่งการสำรวมจักมีที่ไหน
ใคร ๆ ผู้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ไม่มี ใครจักฝึกฝน
บุคคลผู้ไม่เคยฝึกฝนแล้วเล่า สัตว์ทั้งหลายเป็น
สัตว์เสมอกันทั้งสิ้น การเคารพอ่อนน้อมต่อ
ผู้เจริญในตระกูล จักมีแต่ที่ไหน กำลังหรือความ
เพียรไม่มี ความพากเพียรของบุรุษจักมีแต่ที่ไหน
ผลทานไม่มี ทานและศีลไม่ทำบุคคลผู้มีเวรให้
หมดจดได้ สัตว์ย่อมได้ของที่ควรได้ สัตว์เมื่อ
จะได้สุขหรือทุกข์ ย่อมได้สุขหรือทุกข์อันเกิด
แต่ที่น้อมมาเอง มารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย
ไม่มี โลกอื่นจากโลกนี้ก็ไม่มี ทานอันบุคคลให้
แล้วย่อมไม่มีผล พลีกรรมไม่มีผล แม้ทานอัน
บุคคลตั้งไว้ดีแล้วก็ไม่มีผล บุรุษใดฆ่าบุรุษอื่น
และตัดศีรษะบุรุษอื่น จะจัดว่าบุรุษนั้นทำลาย
ชีวิตของผู้อื่นหาได้ไม่ ไม่มีใครฆ่าใด เป็นแต่

511
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 512 (เล่ม 49)

ศาตราย่อมเข้าไปในระหว่างอันเป็นช่องกาย
๗ ช่องเท่านั้น ชีพของสัตว์ทั้งหลายไม่ขาดสูญ
ไม่แตกทำลาย บางคราวมี ๘ เหลี่ยม บางคราว
กลมเหมือนงบน้ำอ้อย บางคราวสูงตั้ง ๕๐๐
โยชน์ ใครเล่าสามารถตัดชีพให้ขาดได้ เหมือน
หลอดด้ายอันบุคคลซัดไปแล้ว. หลอดด้ายนั้น
อันด้ายคลายอยู่ ย่อมกลิ้งไปได้ ฉันใด ชีพนั้น
ก็ฉันนั้น ย่อมแหวกหนีไปจากร่างได้ บุคคลผู้
ออกจากบ้านนี้ไปเข้าบ้านอื่น ฉันใด ชีพนั้นก็
ออกจากร่างนี้แล้วไปเข้าร่างอื่น ฉันนั้นเหมือน
กัน บุคคลออกจากเรือนหลังนี้แล้วไปเข้าเรือน
หลังอื่น ฉันใด แม้ชีพนั้นก็ออกจากร่างนี้แล้ว
เข้าไปอาศัยร่างอื่นฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อสิ้น
กำหนด ๘ ล้าน ๔ แสนมหากัป สัตว์ทั้งหลายทั้ง
ที่เป็นพาล ทั้งที่เป็นบัณฑิต จักยังสงสารให้
สิ้นไป แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เอง สุขทุกข์
เหมือนตักตวงได้ด้วยทะนานและกะเช้า พระ-
ชินเจ้าย่อมรู้ทั่วถึงสุขทุกข์ทั้งปวง สัตว์นอกนี้
ล้วนเป็นผู้ลุ่มหลง เมื่อชาติก่อน ข้าพระองค์มี
ความเห็นอย่างนี้จึงได้เป็นคนหลง ถูกโมหะ
ครอบงำ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทุศีล ตระหนี่ บริภาษ

512
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 513 (เล่ม 49)

สมณพราหมณ์ภายใน ๖ เดือน ข้าพระองค์จัก
ทำกาลกิริยา จักตกไปนรกอันเผ็ดร้อน ร้ายกาจ
โดยส่วนเดียว นรกนั้นมี ๔ เหลี่ยม ๔ ประตู
จำแนกออกเป็นส่วน ๆ. ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก
ครอบด้วยแผ่นเหล็ก พื้นนรกนั้นเป็นเหล็กแดง
ลุกเป็นเปลวเพลิงโชติช่วง แผ่ไปร้อยโยชน์โดย
รอบตั้งอยู่ทุกเมื่อ ล่วงไปแสนปี ในกาลนั้น
ข้าพระองค์จึงจะไดยินเสียงในนรกนั้นว่า แน่ะ
เพื่อนยาก เมื่อพวกเราไหม้อยู่ในนรกนี้ กาล
ประมาณแสนปีล่วงไปแล้ว ข้าแต่พระมหาราชา
แสนโกฏิปีเป็นกำหนดอายุของสัตว์ผู้หมกไหม้
อยู่ในนรก ชนทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นคน
ทุศีล ตีเตียนพระอริยเจ้า ย่อมหมกไหม้อยู่ใน
นรกแสนโกฎิปี ข้าพระองค์จักเสวยทุกขเวทนา
อยู่ในนรกนั้นตลอดกาลนาน นี้เป็นผลแห่งกรรม
ชั่วขอข้าพระองค์ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึง
เศร้าโศกนัก ข้าแต่พระมหาราชาผู้กำจัดศัตรู
เป็นที่เจริญใจของชาวแว่นแคว้น ขอพระองค์
จงทรงสดับคำของข้าพระองค์ ขอความเจริญจงมี
แด่พระองค์ ธิดาของข้าพระองค์ชื่ออุตตรา ทำ
แต่กรรมดี ยินดีแล้วในนิจศีลและอุโบสถศีล

513
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ – หน้าที่ 514 (เล่ม 49)

ยินดีในทานจำแนกแจกทาน รู้ความประสงค์
ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ มีปกติทำไม่ให้
ขาดในสิกขา เป็นสะใภ้อยู่ในตระกูลอื่น เป็น
อุบาสิกาของพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้
ทรงศิริ ข้าแต่พระมหาราชา ขอความเจริญจง
มีแด่พระองค์ นางอุตตราได้เห็นภิกษุผู้สมบูรณ์
ด้วยศีล เข้าไปบิณฑบาตในบ้าน มีจักษุอันทอด
ลงแล้ว มีสติ คุ้มครองทวาร สำรวมดีแล้ว เที่ยว
ไปตามลำดับตรอก เข้าไปสู่บ้านนั้น นางได้ถวาย
น้ำขันหนึ่งและขนมมีรสหวานอร่อย แล้วอุทิศ
ส่วนกุศลให้ข้าพระองค์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ขอผลทานที่ดิฉันถวายนี้ จงพลันสำเร็จแก่บิดา
ของดิฉันที่ตายไปแล้วเถิด ในทันใดนั้น ผลแห่ง
ทานก็บังเกิดมีแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์มีความ
ประสงค์สำเร็จได้ดังความปรารถนา บริโภค
กามสุขเหมือนดังท้าวเวสวัณมหาราช ข้าแต่
พระมหาราชาผู้กำจัดศัตรู เป็นที่เจริญใจของ
ชาวแว่นแคว้น ขอพระองค์จงทรงสดับคำของ
ข้าพระองค์ พระพุทธเจ้าอันบัณฑิตกล่าวว่า เป็น
ผู้เลิศแห่งโลกพร้อมตั้งเทวโลก ขอพระองค์
พร้อมทั้งพระโอรสและพระอัครมเหสี จงถึง

514