บุคคลใดแล ข่มความโกรธที่เกิดขึ้น
แล้วได้ เหมือนกับสารถีหยุดรถ ซึ่งกำลัง
แล่นอยู่ได้ เราตถาคตเรียกบุคคลนั้นว่า
เป็นสารถี ชนนอกจากนี้ เป็นแต่คนถือ
บังเหียน.๑
ในเวลาจบพระคาถา เทวดานั้น ได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. พระผู้มี
พระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ประชุมกันพร้อมแล้ว จึงได้
ทรงภาษิตพระคาถานี้อีกว่า
ภิกษุใดแล ย่อมกำจัดซึ่งความโกรธ
ที่เกิดขึ้น เหมือนหมอกำจัดพิษงูที่แล่นซ่าน
ไปแล้ว ด้วยโอกาสทั้งหลาย ฉะนั้น ภิกษุนั้น
ย่อมละฝั่งนี้และฝั่งโน้นได้ เหมือนงูลอก-
คราบเก่าแก่ทิ้งไป ฉะนั้น๒.
บรรดาคาถาทั้งสองนั้น คาถาที่ ๑ พระธรรมสังคาหกาจารย์ยกขึ้นสู่
สังคหะ ในธรรมบท, คาถาที่ ๒ ยกขึ้นสู่สังคหะ ในสุตตนิบาต ส่วนเรื่อง
ยกขึ้นสู่สังคหะ ในวินัยปิฏกแล.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่นั่นเทียว ทรงตรวจ
ดูสถานที่อยู่ของเทวดานั้น ทอดพระเนตรเห็นสถานที่ อันสมควรแล้ว. จึงตรัสว่า
ไปเถิดเทวดา ! ณ ที่โอกาสโน้นมีต้นไม้ว่างอยู่, เธอจงเข้าไปอยู่ที่ต้นไม้นั้น.
ได้ยินว่า ต้นไม้นั้นไม่มีในแคว้นอาฬวี, มีอยู่ภายในกำแพงเครื่องล้อมแห่ง
พระเชตวัน ซึ่งมีเทวบุตรผู้เป็นเจ้าของได้จุติไปแล้ว เพราะเหตุนั้น ต้นไม้นั้น
๑. ขุ. ธ. ๒๕/๔๔-๔๕. ๒. ข. ส. ๒๕/๓๒๔.