หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 231 (เล่ม 4)

. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอัปปณิ-
หิตสมาบัติ . . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าวิชชา ๓
. . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งวิชชา ๓
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสติปัฏฐาน ๔
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งสติ-
ปัฏฐาน ๔ . . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอิทธิบาท ๔
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . .ซึ่งอิทธิบาท ๔
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอินทรีย์ ๕
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอินทรีย์ ๕
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าพละ ๕
...จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งพละ ๕
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าโพชฌงค์ ๗
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งโพชฌงค์ ๗
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

231
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 232 (เล่ม 4)

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอริยมรรค
มีองค์ ๘. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยผล ๔
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งโสดา-
ปัตติผล . . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งสกทา-
คามิผล . . . ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . .ซึ่งอนาคามิผล
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอรหัตผล
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและสละกิเลส
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและจากราคะ
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

232
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 233 (เล่ม 4)

บอกจิตเปิดจากโมหะและจากโทสะ
...จิตของข้าพเจ้า เปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
บอกรวมทุกอย่าง
[๓๓๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งปฐมฌาน
...ทุติยฌาน. . .ตติยฌาน.. .จตุตถฌาน...สุญญตวิโมกข์... อนิมิตตวิโมกข์
...อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ . ..อนิมิตตสมาธิ ...อัปปณิหิตสมาธิ
...สุญญตสมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . ..อัปปณิหิตสมาบัติ .. .วิชชา ๓. . .
สติปัฏฐาน ๔ . . . สัมมัปปธาน ๔. . . อิทธิบาท ๔. ..อินทรีย์ ๕. ..พละ ๕ . . .
โพชฌงค์ ๗ . . . อริยมรรคมีองค์ ๘ . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . .
อนาคามิผล . . . อรหัตผล . . . ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว
สละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . โมหะ
ข้าพเจ้าสละแล้ว . . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . จากโทสะ . . . และจาก
โมหะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
วัตถุกามวารกถา
ประสงค์จะบอกเข้าปฐมฌาน
[๓๓๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขา
เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

233
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 234 (เล่ม 4)

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว . . . เรื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

234
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 235 (เล่ม 4)

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าวิชชา ๓ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้ว . . .เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ ๕ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าพละ ๕ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโพชฌงค์ ๗ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโสดาปัตติผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว. . .เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

235
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 236 (เล่ม 4)

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอรหัตผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อ
ไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทกคน.
. . .แต่บอกว่า โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ประสงค์จะบอกเข้าทุติฌาน
[๓๓๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว . . . เมื่อเขา
เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
* ที่ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ไว้นี้หมายถึงว่า ประสงค์จะบอกว่า เข้าทุติยฌาน แต่บอกว่า
เข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโมหะ .

236
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 237 (เล่ม 4)

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ๑
บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ๒
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สัพพมูลกนัย
บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ
อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ วิชชา ๓ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔
อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ โสดา -
ปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว
คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้า
สละแล้ว . . . โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ และจิต
ของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อ
เขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
๑. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าเข้าตติยฌาน แต่บอกว่าเข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์
เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโทสะ.
๒. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าจิตเปิดจากโมหะ แต่บอกว่าเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน
เป็นต้น ไปถึงจิตเปิดจากราคะ.

237
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 238 (เล่ม 4)

บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน
[๓๓๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว . . . แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌาน
แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
บอกภิกษุอื่นเข้าปฐมฌาน
[๓๓๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดอยู่
ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน. . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว . . . ซึ่งทุติยฌาน
. . . ติยฌาน . . . จตุตถฌาน . . . สุญญตวิโมกข์ . . . อนิมิตตวิโมกข์ . . .
อัปปณิหิตวิโมกข์ . . . สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . .
สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตทสมาบัติ. . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา ๓ . . .
สติปัฏฐาน ๔. . . สัมมัปปธาน ๔ . . . อิทธิบาท ๔ . . . อินทรีย์ ๕ . . . พละ
๕ . . . โพชฌงค์ ๗ . . . อริยมรรคมีองค์ ๘. . .โสดาปัตติผล . . .สกทาคามิผล
. . .อนาคามิผล . . .อรหัตผล . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . . ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ราคะภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว
ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โทสะภิกษุนั้นสละ
แล้ว . . . โมหะภิกษุนั้นสละแล้ว . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
* ที่ ฯ ล ฯ และนี้ ... ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๕๔๔ ข้อ ๒๗๙

238
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 239 (เล่ม 4)

. . .ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
. . .จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว
เป็นผู้ใด เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสัญญาคาร ... ซึ่งทุติยฌาน
ในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร. ..
ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดใช้สอยวิหาร
ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ*
. . .ภิกษุใดใช้สอยวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้
แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร . . . ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
. . .ทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .ตติยฌานในสุญญาคาร . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .จตุตถฌานในสุญญาคาร . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของ
ท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ*
* ที่ ฯ ล ฯ และ . . . นี้ ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๕๔๔
ข้อ ๒๗๙

239
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 240 (เล่ม 4)

. . .ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว
เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร . . . ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑ-
บาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
. . .ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า
ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร
ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะ
ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
. . . ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า
ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร . . .
ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยา
อันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็น
ผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน . . .ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
* ที่ ฯ ล ฯ และ . . . ไว้นี้ พึงทราบตามนัยแห่งจตุตถปาราชิกโน้นเถิด.

240