จึงถวายบังคมพระบาทยุคลของพระโคดม ผู้มีพระ-
เกียรติยศ แม่โคได้ขวิดนางในขณะที่กำลังยืนประ-
คองอัญชลี นมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ส่อง
แสงสว่างในโลกมืดดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปญฺชลึ ิตํ นมสฺสมานํ สมฺพุทฺธํ
ความว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้เสด็จไปแล้ว นางก็ยังมีจิตเป็นสมาธิ
ด้วยปีติมีพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ ยืนประคองอัญชลีเหมือนอยู่เฉพาะพระ-
พักตร์.
บทว่า อนฺธกาเร ได้แก่ ในโลกอันมืดด้วยความมืดคืออวิชชา
และมืดด้วยกิเลสทั้งสิ้น. บทว่า ปภงฺกรํ คือ ผู้ทำแสงสว่างคือญาณ.
ก็นางจุติจากนั้นไปบังเกิดในภพดาวดึงส์. นางมีอัปสรแสนหนึ่ง
เป็นบริวาร. ก็แลในทันใดนั่นเอง นางมาพร้อมกับวิมาน ลงจากวิมาน
แล้ว ได้เข้าไปหาท่านพระมหาโมคัลลานะถวายนมัสการ. เพื่อแสดงความ
ข้อนั้น นางเทพธิดา ได้กล่าวว่า
ข้าแต่ท่านวีรบุรุษผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันบรรลุ
เทวฤทธิ์แล้ว เข้ามาหาท่านผู้สิ้นอาสวะปราศกิเลสธุลี
เห็นผู้ไม่หวั่นไหว นั่งเร้นอยู่ผู้เดียวในป่า ขอไหว้
ท่านเจ้าค่ะ.
พระเถระได้ถามเทพธิดานั้นว่า
ดูก่อนเทพธิดาผู้สง่างาม ท่านเป็นใคร มีรัศมี
ดังทองงามรุ่งโรจน์ มีเกียรติยศมาก งานตระการ
* อรรถกถาว่า นางมีอัปสรแสนหนึ่ง บาลีว่า มีอัปสรพันหนึ่ง