บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยเมตํ ความว่า ปัญหานั้นใด. บทว่า
อนุปุจฺฉเส ได้แก่ พระองค์ตรัสถาม โดยอนุกูล. บทว่า มมํ แปลว่า
ข้าพระบาท. ปุรตฺถิ ตัดบทว่า ปุรํ อตฺถิ แปลว่า บุรีมีอยู่. บทว่า กาสีนํ
ได้แก่ แคว้นกาสี. เทวดาระบุนามตนในอัตภาพก่อน ว่า เปสการี
ประกาศบุญของตน ด้วยบทว่า พุทฺเธ จ ธมฺเม จ เป็นต้น.
ท้าวสักกะ เมื่อจะทรงอนุโมทนาบุญสมบัติและทิพย์สมบัตินั้นของ
นาง จึงตรัสว่า
ดูก่อนเวลานาง ผู้มีใจเลื่อมใส มีความเชื่อมั่น
ส่วนเดียว ไม่สงสัยในพระพุทธเจ้า พระธรรม และ
พระสงฆ์ รักษาสิกขาบทไม่ขาดวิ่น บรรลุผลแล้ว
เป็นผู้แน่นอนในธรรมคือการตรัสรู้ ไม่มีโรคภัยเราขอ
แสดงความยินดีสมบัติของเจ้า และการมาดีของเจ้า
เจ้ารุ่งโรจน์ด้วยธรรมและยศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตนฺตฺยาภินนฺทามเส ได้แก่ เรายินดี
อนุโมทนา สมบัติแม้ทั้งสองของเจ้านั้น. บทว่า สฺวาคตญฺจ เต ได้แก่
และการมาในที่นี้ของเจ้า ที่ชื่อว่า สวฺาคต มาดี เป็นที่จำเริญสติและ
โสมนัสของเรา. คำที่เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
ท้าวสักกเทวราชตรัสบอกเรื่องนั้น ถวายท่านพระมหาโมคคัลลาน-
เถระ. พระเถระจึงกราบทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงทำความข้อนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง จึงทรงแสดงธรรมแก่
บริษัทที่ประชุมกัน. เทศนานั้น เกิดประโยชน์แก่โลกพร้อมทั้งเทวโลกแล.
จบอรรถกถาเปสการิยวิมาน