[อธิบายลักษณะแห่งที่นอนคือเสนาสนะต่าง ๆ กัน]
ก็ด้วยบทว่า สพฺพจฺฉนฺนา เป็นต้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสลักษณะ
แห่งที่นอน กล่าวคือเสนาสนะนั้น. เพราะเหตุนั้น เสนาสนะใด มุงทั้งหมด
ทีเดียว ในเบื้องบนด้วยเครื่องมุง ๕ ชนิด หรือด้วยวัตถุอะไร ๆ อื่นก็ตาม,
ที่นอนนี้ ชื่อว่ามุงทั้งหมด.
แต่ในอรรถกถาทั้งหลาย ท่านถือเอาโวหารที่ปรากฎ กล่าวด้วยอำนาจ
คำคล่องปากว่า ที่นอนอันมุงด้วยเครื่องมุง ๕ ชนิด ชื่อว่า มุงทั้งหมด ดังนี้
แม้ท่านกล่าวคำนั้นไว้แล้วก็จริง, ถึงกระนั้น ก็ไม่อาจทำให้ไม่เป็นอาบัติแม้แก่
ภิกษุผู้อยู่ในกุฎีผ้าได้ เพราะฉะนั้น ผู้ศึกษา พึงทราบเครื่องมุงและเครื่องบัง
ในสิกขาบทนี้ ชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งสามารถปิดบังได้.
จริงอยู่ เมื่อถือเอาเครื่องมุง ๕ ชนิดเท่านั้น การนอนร่วมในกุฎี
แม้ที่มุงด้วยไม้กระดาน ก็ไม่พึงมีได้. ก็เสนาสนะใด ที่เขากั้นทั้งแต่พื้นดิน
จนจดหลังคาด้วยกำแพง หรือด้วยวัตถุอะไร ๆ อื่นก็ตาม โดยที่สุด แม้ด้วย
ผ้า ที่นอนนี้ พึงทราบว่า ชื่อว่า บังทั้งหมด.
ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถากุรุนทีว่า ที่นอนแม้ที่เขากั้นด้วยเครื่องกั้นมี
กำแพงเป็นต้น สูงศอกคืบโดยบรรยายอย่างต่ำที่สุด ไม่จดหลังคา จัดว่าบัง
ทั้งหมดเหมือนกัน. ก็เพราะที่ที่มุงข้างบนมากกว่า ที่ไม่ได้มุงน้อย หรือว่าที่
ที่เขากั้นโดยรอบมากกว่า ที่ไม่ได้กั้นน้อย ฉะนั้น ที่นอนนี้ จึงชื่อว่า มุง-
โดยมาก บังโดยมาก.
ก็ปราสาทที่ประกอบด้วยลักษณะอย่างนี้ ถ้าแม้นมีถึง ๗ ชั้น มีอุปจาร
เดียวกัน หรือว่า ศาลา ๔ มุข มีห้องตั้งร้อย ก็ถึงอันนับว่า ที่นอนอันเดียว
กันแท้. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายถึงที่นอนนั้น จึงตรัสคำมีอาทิว่า ใน