หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 121 (เล่ม 4)

อุปสันบันล้ออนุปสัมบัน
พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม ว่าพวกไรกันแน่
[๒๕๒] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาท
อนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูด
เปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นชาติคนจัณฑาล
. . .ชาติคนจักสาน . . .ชาติพราน . ..ชาติคนช่างหนัง . . .ชาติคนเทดอกไม้
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นชาติกษัตริย์ .. .ชาติพราหมณ์
. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ชื่ออวกัณณกะ ...ชื่อชวกัณณกะ
. . .ชื่อธนิฎฐกะ . . .ชื่อสวิฎฐกะ . ..ชื่อกุลวัฑฒกะ . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ชื่อพุทธรักขิต . ..ชื่อธัมมรักขิต
. . . ชื่อสังฆรักขิต ... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโกสิยโคตร . ..ภารทวาชโคตร
. . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโคตมโคตร . . .โมคคัลลานโคตร
. . . กัจจายนโคตร . . .วาเสฏฐโคตร . ..ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

121
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 122 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นช่างไม้ . ..ช่างเทดอกไม้.. .
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นคนทำงานไถนา . . . ทำงานค้าขาย
. . .ทำงานเลี้ยงโค . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบศิลปทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ มีวิชาการช่างจักสาน . . .มีวิชาการ
ช่างหม้อ . . .มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่างกัลบก
. . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันว่าพวกไรกันแน่ มีวิชาการช่างนับ . . .มีวิชาการช่าง
คำนวณ . . . มีวิชาการช่างเขียน . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโรคเรื้อน. . .โรคฝี. . . โรคกลาก
. . .โรคมองคร่อ . . .โรคลมบ้าหมู . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโรคเบาหวาน . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ สูงเกินไป. . .ต่ำเกินไป . . .ดำเกินไป
. . .ขาวเกินไป . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

122
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 123 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นคนไม่สูงนัก . . .ไม่ต่ำนัก. . .
ไม่ดำนัก . . .ไม่ขาวนัก . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ถูกราคะกลุ้มรุม . . .ถูกโทสะย่ำยี
. . . ถูกโมหะครอบงำ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . . อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ปราศจากราคะ . . . ปราศจากโทสะ
. . . ปราศจากโมหะ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทรามว่า พวกไรกันแน่
. . . อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ต้องอาบัติปาราชิก . . . อาบัติ
สังฆาทิเสส . . .อาบัติถุลลัจจัย . . . อาบัติปาจิตตีย์ . . . อาบัติปาฎิเทสนียะ
. . .อาบัติทุกกฏ . . . อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ต้องโสดาบัติ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ มีความประพฤติดังอูฐ . . .แพะ
. . .โค . . .ลา . . . สัตว์ดิรัจฉาน . . . สัตว์นรก สุคติของอนุปสัมบันพวกนั้น
ไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้นต้องหวังได้แต่ทุคติ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.

123
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 124 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
...อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นบัณฑิต . . .เป็นคนฉลาด. . .เป็น
คนมีปัญญา . . .เป็นพหูสูต . . .เป็นธรรมกถึก ทุคติของอนุปสัมบันพวกนั้น
ไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้น ต้องหวังได้แต่สุคติ . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.
อุปสัมบันล้ออนุปสัมบัน
พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
[๒๕๓] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาท
อนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูด
เปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า พวกเราไม่ใช่ชาติคนจัณฑาล . . . ไม่ใช่ชาติคนจักสาน
. . .ไม่ใช่ชาติพราน...ไม่ใช่ชาติคนช่างหนัง. . .ไม่ใช่ชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่ชาติกษัตริย์ ...ไม่ใช่ชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่ชื่ออวกัณณกะ .. .ไม่ใช่ชื่อชวกัณณกะ . ..ไม่ใช่
ชื่อธนิฏฐกะ . . .ไม่ใช่ชื่อสวิฎฐกะ . . .ไม่ใช่ชื่อกุลวัฑฒกะ . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่ชื่อพุทธรักขิต .. .ไม่ใช่ชื่อธัมมรักขิต . ..ไม่ใช่ชื่อ
สังฆรักขิต . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

124
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 125 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่โกสิยโคตร . . .ไม่ใช่ภารทวาชโคตร . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่โคตมโคตร . . .ไม่ใช่โมคคัลลานโคตร . . . ไม่ใช่
กัจจายนโคตร . . .ไม่ใช่วาเสฏฐโคตร . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่ช่างไม้ . . . ไม่ใช่คนเทดอกไม้ . . . ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่คนทำงานไถนา . . .ไม่ใช่คนทำงานค้าขาย . . .ไม่ใช่
คนทำงานเลี้ยงโค . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบศิลปทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างจักสาน . . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างหม้อ
. . . ไม่ใช่มีวิชาการช่างหูก . . . ไม่ใช่มีวิชาการช่างหนัง . . . ไม่ใช่มีวิชาการช่าง
กัลบก . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างนับ . . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างคำนวณ
. . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างเขียน . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเรื้อน . .ไม่ใช่เป็นโรคฝี . . .ไม่ใช่เป็น
โรคกลาก . . .ไม่ใช่เป็นโรคมองคร่อ . . . ไม่ใช่เป็นโรคลมบ้าหมู . . .ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

125
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 126 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเบาหวาน . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่สูงเกินไป . . . ไม่ใช่ต่ำเกินไป . . . ไม่ใช่ดำเกินไป
. . . ไม่ใช่ขาวเกินไป .. .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่ไม่สูงนัก . ..ไม่ใช่ไม่ต่ำนัก . . ไม่ใช่ไม่ดำนัก
...ไม่ใช่ไม่ขาวนัก . ..ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่ถูกราคะกลุ้มรุม . . .ไม่ใช่ถูกโทสะย่ำยี . . .ไม่ใช่
ถูกโมหะครอบงำ . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่ปราศจากราคะ .. .ไม่ใช่ปราศจากโทสะ . . .ไม่ใช่
ปราศจากโมหะ .. .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . .พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก . . . อาบัติสังฆาทิเสส . . .
อาบัติถุลลัจจัย ...อาบัติปาจิตตีย์ . . .อาบัติปาฏิเทสนียะ . .. อาบัติทุกกฏ
. . . อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

126
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 127 (เล่ม 4)

พูดล้อเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องโสดาบัติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่มีความประพฤติดังอูฐ . . . ดังแพะ . . .ดังโค . . .
ดังลา . . . ดังสัตว์ดิรัจฉาน . . . ดังสัตว์นรก สุคติของพวกเราไม่มี พวกเรา
ต้องหวังได้แต่ทุคติ. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา
. . . พวกเราไม่ใช่เป็นบัณฑิต .. .ไม่ใช่คนฉลาด .. .ไม่ใช่คนมีปัญญา
. . . ไม่ใช่เป็นพหูสูต . . .ไม่ใช่เป็นธรรมกถึก ทุคติของพวกเราไม่มี พวกเรา
ต้องหวังได้แต่สุคติ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.
อานาปัตติวาร
[๒๕๔] ภิกษุมุ่งอรรถ ๑ ภิกษุมุ่งธรรม ๑ ภิกษุมุ่งสั่งสอน ๑ ภิกษุ
วิกลจริต ๑ ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ๑ ภิกษุกระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑ ภิกษุ
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ

127
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 128 (เล่ม 4)

มุสาวาทวรรค โอมลวาทสิกขาบทที่ ๒
พึงทราบวินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๒ ดังต่อไปนี้:-
[แก้อรรถเรื่องภิกษุฉัพพัคคีย์และโคนันทิวิสาล]
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โอมสนฺติ คือ ย่อมกล่าวเสียดแทง.
บทว่า ขุํสนฺติ คือ ย่อมด่า.
บทว่า วมฺเภนฺติ คือ ย่อมขู่กรรโชก.
ด้วยบทว่า ภูตปุพฺพํ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเรื่องนี้มาแสดง
เพื่อทรงตำหนิการกล่าวเสียดแทง.
คำว่า นนฺทิ ในคำว่า นนฺทิวิสาโล นาม (นี้) เป็นชื่อของโคถึก
นั้น. ก็โคถึกนั้น มีเขายาวใหญ่ เพราะเหตุนั้น เจ้าของจึงตั้งชื่อว่า นันทิวิสาล,
โดยสมัยนั้น พระโพธิสัตว์เป็นโคถึกชื่อนันทิวิสาล. พราหมณ์เลี้ยงดูโคถึกนั้น
อย่างดีเหลือเกิน ด้วยอาหารมียาคูและข้าวสวยเป็นต้น . ครั้งนั้น โคนันทิวิสาล
นั้น เมื่อจะอนุเคราะห์พราหมณ์ จึงกล่าวคำว่า เชิญท่านไปเถิด ดังนี้เป็นต้น .
สองบทว่า ตตฺเถวอฏฺฐาสิ มีความว่า แม้ในกาลแห่งอเหตุกปฏิสนธิ
โคนันทิวิสาลย่อมรู้จักคำกล่าวเสียดแทงของผู้อื่นได้ โดยเป็นคำไม่เป็นที่พอใจ;
เพราะฉะนั้น มันใคร่เพื่อแสดงโทษแก่พราหมณ์ จึงได้ยืนนิ่งอยู่.
หลายบทว่า สกฏสตํ อติพทฺธํ ปวฏฺเฏสิ มีความว่า พระโพธิสัตว์
เมื่อจะลากเกวียน ๑๐๐ เล่มที่จอดไว้ตามลำดับสอดไม้ไว้ภายใต้ กระทำให้
ต่อเนื่องกันอันบรรทุกเต็มด้วยถั่วเขียว ถั่วเหลือง และทรายเป็นต้น. เกวียน
๑๐๐ เล่ม เป็นของอันตนจะต้องลากไปอีก ในเมื่อกำถึงส่วนของกำแรกตั้งอยู่

128
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 129 (เล่ม 4)

ก่อนแล้ว แม้ก็จริง ถึงกระนั้น (พระโพธิสัตว์) ก็ได้ลากไปตลอดที่ประมาณ
ชั่ว ๑๐๐ เล่มเกวียน เพื่อให้เกวียนเล่มหลังจอดในที่เกวียนเล่มหน้าจอดอยู่.
จริงอยู่ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมไม่มีการกระทำที่ย่อหย่อน.
บาทคาถาว่า เตน จตฺตมโน อหุ มีความว่า โคนันทิวิสาลนั้น
มีใจเบิกบาน เพราะการได้ทรัพย์นั้นของพราหมณ์ และเพราะการงานของตน.
ก็ในคำว่า อกฺโกเสนปิ นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์จะจำแนก
ไว้ข้างหน้าว่า คำด่ามี ๒ อย่าง คือ คำด่าที่เลว ๑ คำด่าที่ดี ๑; เพราะฉะนั้น
จึงไม่ตรัสเหมือนอย่างที่ตรัสไว้ในก่อนว่า ย่อมด่าด้วยคำที่เลวบ้าง ตรัสไว้
อย่างนี้ว่า อกฺโกเสน (โดยคำสบประมาท) ดังนี้.
[แก้อรรถโอมสวาทเป็นต้น ]
ชาติแห่งคนการช่างถากไม้ชื่อว่า เวณชาติ.
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า เวฬุการชาติ ดังนี้ก็มี.
ชาติแห่งพรานเนื้อเป็นต้น ชื่อว่า เนสาทชาติ.
ชาติแห่งคนการช่างทำหนัง ชื่อว่า รถการชาติ (ชาติแห่งคนทำรถ).
ชาติแห่งคนเทดอกไม้ ชื่อว่า ปุกฺกุสชาติ.
คำว่า อวกณฺณกา เป็นชื่อของพวกทาส; เพราะฉะนั้น จึงเป็น
คำเลว.
บทว่า โอญาตํ แปลว่า ที่เขาเย้ยหยัน. ภิกษุบางพวกสวดว่า
อุญฺญาตํ ดังนี้ก็มี.
บทว่า อวุญฺญาตํ แปลว่า ที่เขาเหยียดหยาม.
บทว่า หีฬิตํ แปลว่า ที่เขาเกลียดชัง.
บทว่า ปริภูตํ แปลว่า ที่เขาดูหมิ่นว่า จะมีประโยชน์อะไรด้วยคนนี้.
บทว่า อจิตีกตํ แปลว่า ที่เขาไม่กระทำความเคารพยกย่อง.

129
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 130 (เล่ม 4)

การงานช่างไม้ ชื่อว่า โกฏฐกกรรม. นิ้วหัวแม่มือ ชื่อว่า มุทธา
(วิชาการช่างนับ). การนับที่เหลือมีการนับไม่ขาดสายเป็นต้น ชื่อว่า คณนา
(วิชาการช่างคำนวณ). อักษรเลข ชื่อว่า เลขา (วิชาการช่างเขียน). โรค
เบาหวาน ท่านเรียกว่า โรคอุกฤษฏ์ เพราะไม่มีเวทนา.
บทว่า ปาฎิกงฺขา แปลว่า พึงปรารถนา.
สองบทว่า ยกาเรน วา ภกาเรน วา มีความว่า คำด่าที่ประกอบ
ย อักษร และ ภ อักษร (ชื่อว่า เป็นคำด่าที่เลว).
ในคำว่า กาฏโกฏจิกาย วา (นี้) นิมิตแห่งบุรุษชื่อว่า กาฏะ นิมิต
แห่งสตรีชื่อว่า โกฏจิกา. คำด่าที่ประกอบด้วยบททั้งสองนั่นอันใด คำด่านั่น
ชื่อว่า เลวแล.
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงยกอาบัติขึ้นปรับ ด้วยอำนาจ
แห่งชนิดของอักโกสวัตถุมีชาติเป็นต้นเหล่านั้น จึงตรัสคำมีอาทิว่า อุปสมฺ-
ปนฺโน อุปสมฺปนฺนํ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น สามบทว่า ขุํเสตุกาโม วมฺเภตุกาโม
มงฺกุกตฺตุกาโม มีความว่า ผู้ประสงค์จะด่า ประสงค์จะติเตียน ประสงค์จะ
ทำให้อัปยศ.
สองบทว่า หีเนน หีนํ ได้แก่ ด้วยคำกล่าวถึงชาติอันเลว คือ
ด้วยชาติที่เลว. บัณฑิตพึงทราบอรรถในบททั้งปวง โดยอุบายอย่างนี้.
อนึ่ง บรรดาบทเหล่านี้ ภิกษุ เมื่อกล่าวให้เลวด้วยถ้อยคำอันเลว
ถึงจะกล่าวคำจริงก็ตาม ถึงอย่างนั้น เธอก็ต้องปาจิตตีย์ทุก ๆ คำพูด เพราะ
เป็นผู้ประสงค์จะกล่าวเสียดแทง. และเมื่อกล่าวให้เป็นคนเลวด้วยคำที่ดี แม้
จะกล่าวคำไม่จริงก็ตาม, ถึงอย่างนั้น ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ด้วยสิกขาบทนี้
เพราะเป็นผู้ประสงค์จะกล่าวเสียดสี ไม่ใช่ด้วยสิกขาบทก่อน. ฝ่ายภิกษุใด
กล่าวคำเป็นต้นว่า เจ้าเป็นจัณฑาลดี เจ้าเป็นพราหมณ์ดี เจ้าเป็นจัณฑาลชั่ว

130