No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 225 (เล่ม 47)

พราหมณธัมมิกสูตรที่ ๗
ว่าด้วยพราหมณธรรม
[๓๒๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์
มหาศาลชาวแคว้นโกศลเป็นอันมาก ผู้แก่เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยมา
โดยลำดับ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้สนทนาปราศรัยกับ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
บัดนี้ พวกพราหมณ์ย่อมปรากฏในพราหมณธรรมของพวกพราหมณ์เก่าหรือ ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ทั้งหลาย บัดนี้ พวกพราหมณ์หา
ปรากฏในพราหมณ์ธรรมของพวกพราหมณ์เก่าไม่.
พ. ขอประทานพระวโรกาส ขอท่านพระโคดมโปรดตรัสพราหมณ์
ธรรมของพวกพราหมณ์เก่า แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด ถ้าท่านพระโคดมไม่
มีความหนักพระทัย.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงตั้งใจ จง
ใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว.
พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ตรัสคาถาประพันธ์นี้ว่า

225
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 226 (เล่ม 47)

[๓๒๓] ฤาษีทั้งหลายมีในครั้งก่อน
สำรวมตน มีตบะ ละเบญจกามคุณแล้ว ได้
ประพฤติประโยชน์ของตน ๆ
พวกพราหมณ์แต่เก่าก่อนไม่มีสัตว์
เลี้ยง ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งของต่าง ๆ พราหมณ์
เหล่านั้น มีทรัพย์และข้าวเปลือกอันเป็น
ส่วนแห่งการสาธยายมนต์ ได้รักษาขุมทรัพย์
อันประเสริฐไว้
ภัตที่ประตูเรือน ทายกทั้งหลายเริ่ม
ทำตั้งไว้แล้ว เพื่อพราหมณ์เหล่านั้น ทายก
ทั้งหลายได้สำคัญภัตนั้นว่า เป็นของที่ตน
ควรให้แก่พราหมณ์เหล่านั้น ผู้แสวงหาภัต
ที่เริ่มทำไว้แล้วด้วยศรัทธา
ชาวชนบท ชาวแว่นแคว้น ผู้มั่งคั่ง
ด้วยผ้าที่ย้อมด้วยสีต่าง ๆ และด้วยที่นอน
และที่อยู่ ได้นอบน้อมพราหมณ์เหล่านั้น
พราหมณ์ทั้งหลายผู้อันธรรมรักษา
แล้ว ใคร ๆ ไม่พึงฆ่า ไม่พึงชนะ ใคร ๆ
ไม่พึงห้ามพราหมณ์เหล่านั้น ที่ประตูแห่ง
สกุลทั้งหลาย โดยประการทั้งปวง

226
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 227 (เล่ม 47)

พราหมณ์เหล่านั้นประพฤติพรหม-
จรรย์ตั้งแต่เป็นเด็กมาตลอดเวลา ๔๘ ปี ได้
เที่ยวไปแสวงหาวิชชาและจรณะในกาลก่อน
พราหมณ์เหล่านั้นไม่ไปหาหญิงอื่น
ทั้งไม่ซื้อภรรยา อยู่ร่วมกัน เพราะความรัก
ความชอบใจเสมอกันเท่านั้น
พราหมณ์ผู้เป็นสามี ย่อมไม่ร่วมกับ
ภรรยาผู้เว้นจากกระดูก นอกจากสมัยที่ควรจะ
ร่วม พราหมณ์ย่อมไม่ร่วมเมถุนธรรมในระ-
หว่างโดยแท้
พราหมณ์ทั้งหลายสรรเสริญพรหม-
จรรย์ ศีล ความเป็นผู้ซื่อตรง ความอ่อน
โยน ตบะ ความสงบเสงี่ยม และความไม่
เบียดเบียน และแม้ความอดทน
พราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหม ผู้มีความ
บากบั่นมั่นคง เป็นผู้สูงสุดกว่าพราหมณ์
เหล่านั้น และพราหมณ์นั้นย่อมไม่เสพเมถุน-
ธรรมโดยที่สุดแม้ในความฝัน
พราหมณ์บางพวก ผู้มีชาติแห่งบุคคล
ผู้รู้แจ้งในโลกนี้ ศึกษาตามตัววัตรของพราหมณี
ผู้เสมอด้วยพรหมนั้นอยู่ ได้สรรเสริญ
พรหมจรรย์ ศีลและแม้ขันติ

227
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 228 (เล่ม 47)

พราหมณ์ทั้งหลายขอข้าวสาร ที่นอน
ผ้า เนยใสและน้ำมัน แล้วรวบรวมไว้โดย
ธรรม ได้กระทำยัญ คือทาน แต่วัตถุมีข้าว
สารเป็นต้นที่เขาให้แล้วนั้น
ในยัญที่ตนตั้งไว้ พราหมณ์เหล่านั้น
ไม่ฆ่าแม่โคเลย มารดาบิดา พี่น้องชายหรือ
ญาติเหล่าอื่น มิตรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ฆ่าแม่โค
ซึ่งเป็นที่เกิดแห่งปัญจโครสอันเป็นยา ฉันใด
แม่โคเหล่านี้ให้ข้าว ให้กำลัง ให้
วรรณะ และให้ความสุข พราหมณ์เหล่านั้น
ทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว จึงไม่ฆ่าแม่
โคเลย ฉันนั้น
พราหมณ์ทั้งหลายผู้ละเอียดอ่อน มี
ร่างกายใหญ่ มีวรรณะ มียศ ขวนขวายใน
กิจน้อยใหญ่ โดยธรรมของตน ได้ประพฤติ
แล้วด้วยข้อปฏิบัติอันเป็นเหตุให้หมู่สัตว์นี้
ถึงความสุขในโลก
ความวิปลาสได้มีแก่พราหมณ์เหล่า
นั้น เพราะได้เห็นกามสุขอัน (ลามก) น้อย
ที่เกิดขึ้นจากกามคุณอันเป็นของ (ลามก)
น้อย พราหมณ์ทั้งหลายได้ปรารถนาเพ่งเล็ง
สมบัติของพระราชา เหล่านารีที่ประดับดี

228
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 229 (เล่ม 47)

แล้ว รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ที่สร้างตก
แต่งไว้เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร พื้น
ที่เรือน เรือนที่สร้างกั้นเป็นห้อง ๆ และโภค
สมบัติซึ่งเป็นของมนุษย์อันโอฬาร เกลื่อน
กล่นไปด้วยฝูงโค ประกอบไปด้วยหมู่นารี
ผู้ประเสริฐ
พราหมณ์เหล่านั้นผูกมนต์ในที่นั้น
แล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าโอกกากราชใน
กาลนั้น กราบทูลว่า พระองค์มีทรัพย์และ
ข้าวเปลือกมากมาย ขอเชิญพระองค์ทรง
บูชายัญเถิด พระราชทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
ของพระองค์มีมาก
ลำดับนั้นแล พราหมณ์ทั้งหลายยัง
พระราชาผู้ประเสริฐ ให้ทรงยินยอมบูชา
ยัญ อัสสเมธะ ปุริสเมธะ (สัมมาปาสะ)
วาชเปยยะ นิรัคคฬะ
พระราชาทรงบูชายัญเหล่านี้แล้ว ได้
พระราชาทานทรัพย์แก่พราหมณ์ทั้งหลาย คือ
แม่โค ที่นอน ผ้า เหล่านารีที่ประดับดีแล้ว
รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ที่สร้างตกแต่งไว้

229
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 230 (เล่ม 47)

เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร รับสั่งให้
เอาธัญชาติต่าง ๆ บรรจุเรือนที่น่ารื่นรมย์
อันกั้นไว้เป็นห้อง ๆ จนเต็มทุกห้อง แล้วได้
พระราชทานทรัพย์แก่พราหมณ์ทั้งหลาย
ก็พราหมณ์เหล่านั้นได้ทรัพย์ในที่
นั้น ชอบใจการสั่งสมเสมอ ตัณหาย่อมเจริญ
ยิ่งแก่พราหมณ์เหล่านั้น ผู้มีความปรารถนา
อันหยั่งลงแล้ว พราหมณ์เหล่านั้นผูกมนต์
ในที่นั้นแล้ว ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าโอกกากราช
อีก
กราบทูลว่า แม่โคทั้งหลายเกิดขึ้น
เพื่อประโยชน์สำหรับรับใช้ในสรรพกิจของ
มนุษย์เหมือนน้ำ แผ่นดิน เงิน ทรัพย์ และ
ข้าวเหนียวฉะนั้น เพราะว่าน้ำเป็นต้นนั้นเป็น
เครื่องใช้ของสัตว์ทั้งหลาย ขอพระองค์ทรง
บูชายัญเถิด ราชสมบัติของพระองค์มีมาก
ขอเชิญพระองค์ทรงบูชายัญเถิด พระราช-
ทรัพย์ของพระองค์มีมาก
ลำดับนั้นแล พราหมณ์ทั้งหลายยัง
พระราชาผู้ประเสริฐให้ทรงยินยอมบูชายัญ
แล้ว ในการบูชายัญ พระราชาทรงมีรับสั่ง
ให้ฆ่าแม่โคหลายแสนตัว

230
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 231 (เล่ม 47)

แม่โคทั้งหลายเสมอด้วยแพะ สงบ
เสงี่ยม ถูกเขารีดนมด้วยหม้อ ย่อมไม่เบียด
เบียนด้วยเท้า ด้วยเขา ด้วยอวัยวะอะไร ๆ
โดยแท้ พระราชารับสั่งให้จับแม่โคเหล่านั้น
ที่เขา แล้วให้ฆ่าด้วยศัสตรา
ลำดับนั้น เทวดา พระอินทร์ พระ
พรหม อสูรและผีเสื้อน้ำ ต่างเปล่งวาจาว่า
มนุษย์ไม่มีธรรม แล่นไปเพราะศัสตราตก
ลงที่แม่โค
โรค ๓ ชนิด คือ ความปรารถนา ๑
ความอดอยาก ๑ ความชรา ๑ เพราะปรารภ
สัตว์เลี้ยงทั้งหลาย ได้มีในกาลก่อน ได้แพร่
โรคออกเป็น ๙๘ ชนิด
บรรดาอาชญาทั้งหลาย อธรรมนี้
เป็นของเก่า เป็นไปแล้ว แม่โคทั้งหลายผู้
ไม่ประทุษร้าย ย่อมถูกฆ่า คนผู้บูชายัญทั้ง
หลายย่อมเสื่อมจากธรรม ธรรมอันเลวทราม
นี้เป็นของเก่า วิญญูชนติเตียนแล้วอย่างนี้
วิญญูชนเห็นธรรมอันเลวทรามเช่น
นี้ในที่ใด ย่อมติเตียนคนผู้บูชายัญในที่นั้น

231
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 232 (เล่ม 47)

เมื่อธรรมของพราหมณ์เก่าฉิบหายแล้วอย่าง
นี้ ศูทรและแพศย์แตกกันแล้ว กษัตริย์เป็น
อันมากแตกกันแล้ว ภรรยาดูหมิ่นสามี
กษัตริย์พราหมณ์ผู้เป็นผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม
แพศย์และศูทรเหล่าอื่น ผู้อันโคตรรักษาแล้ว
ไม่คำนึงถึงเรื่องชาติ ได้ตกอยู่ในอำนาจแห่ง
กามทั้งหลาย.
[๓๒๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์มหาศาล
เหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของ
พระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระองค์ทรงประกาศธรรมโดย
อเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง
หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักเห็นรูปได้ฉะนั้น พวกข้าพระ-
องค์ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ขอพระองค์โปรดทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบพราหมณธัมมิกสูตรที่ ๗

232
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 233 (เล่ม 47)

อรรถกถาพราหมณธัมมิกสูตรที่ ๗
พราหมณธัมมิกสูตร มีคำเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ดังนี้.
ถามว่า พระสูตรนี้มีการเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ?
ตอบว่า การเกิดขึ้นของพระสูตรนี้ ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วโดยนัย
เป็นต้นว่า อถ โข สมฺพหุลา ในนิทานแห่งสูตรนั้น.
บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า สมฺพหุลา ได้แก่ มากคือมิใช่น้อย.
บทว่า โกสลกา ได้แก่ ชาวเมืองโกศล.
บทว่า พฺราหฺมณมหาสาลา ความว่า พวกพราหมณ์โดยชาติ ชื่อ
ว่า มหาศาล เพราะเป็นผู้มีสาระมาก.
ได้ยินว่า พราหมณ์เหล่าใด มีทรัพย์เฉพาะที่ฝั่งไว้ได้ ๘๐ โกฏิ
พราหมณ์เหล่านั้นท่านเรียกว่าพราหมณ์มหาศาล และพราหมณ์เหล่านี้ก็เป็น
เช่นนั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า พราหมณ์มหาศาล.
บทว่า ชิณฺณา ได้แก่เป็นผู้มีความชรา คือถูกความชราให้ถึงภาวะ
มีฟันหักเป็นต้น.
บทว่า วุฑฺฒา ได้แก่ ถึงเขตแดน (ของข่าย) แห่งความเจริญ แห่ง
อวัยวะน้อยใหญ่.
บทว่า มหลฺลกา ได้แก่ประกอบด้วยความเป็นผู้มีชาติเป็นคนแก่
มีคำอธิบายว่า เกิดมาแล้วนาน.

233
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ – หน้าที่ 234 (เล่ม 47)

บทว่า อทฺธคตา ได้แก่ ไปสู่ทางไกล (กาลไกล) อธิบายว่าล่วงไป
ได้สอง สามรัชกาล.
สองบทว่า วโย อนุปฺปตฺโต ได้แก่ ถึงปัจฉิมวัย.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ชิณฺณา ได้แก่ เก่า มีคำอธิบายว่า ล่วงสกุล
ที่เป็นไปตลอดกาลนาน.
บทว่า วุฑฺฒา ได้แก่ ประกอบด้วยคุณวุฒิมีสีลาจาร เป็นต้น
บทว่า มหลฺลกา ได้แก่ ประกอบด้วยความเป็นผู้มีโภคะมาก จึง
ชื่อว่า มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก.
บทว่า อทฺธคตา ได้แก่ เดินไปสู่มรรค คือเที่ยวไปไม่ก้าวล่วง
มารยาท มีจริยาวัตรของพวกพราหมณ์เป็นต้น.
สองบทว่า วโย อนุปฺปตฺตา ได้แก่ ไม่เข้าถึงภาวะแห่งชาติวุฒิ อัน
เป็นวัยสุดท้าย.
พึงทราบวาจาประกอบความในพระสูตรนี้อย่างนี้ คำที่เหลือในพระ-
สูตรนี้ปรากฏชัดแล้ว.
หลายบทว่า ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ ความว่า พราหมณ์เหล่า
นั้น เมื่อจะถามถึงคำทั้งหลายมีคำว่า ท่านสบายดีหรือ ชื่อว่ามีความชื่นชม
กันและกัน ก็พราหมณ์เหล่านั้นชื่นชม ด้วยถ้อยคำใดเป็นต้นว่า พระโคดมผู้
เจริญ สบายดีหรือ พระองค์ยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ พระองค์มีอาพาธ
น้อยหรือ มีโรคน้อยหรือ มีกำลังหรือมีความเบาใจหรือ มีการอยู่สบายหรือ
ย่อมให้ระลึกถึงถ้อยคำนั้นที่ควรชื่นชม ที่ควรระลึกถึง คือให้สิ้นสุดลง ให้จบ

234