หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 61 (เล่ม 4)

พูดกดให้เลวกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
การงานทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันทำงานไถนา .. .ทำงานค้าขาย . . .ทำงาน
เลี้ยงโค ว่าท่านเป็นช่างไม้ ว่าท่านเป็นคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบ
การงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันเป็นช่างไม้ . ..เป็นคนเทดอกไม้ ว่า
ท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบการงาน
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
การงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันทำงานไถนา...ทำงานค้าขาย . . .ทำงาน
เลี้ยงโค ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดกระทบศิลป
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าว

61
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 62 (เล่ม 4)

กระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน . . .มีวิชา
การช่างหม้อ . . . มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่าง
กัลบก ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ ว่าท่านมีวิชา
การช่างหูก ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่านมีวิชาการช่างกัลบก ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบศิลป
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างนับ . . .มีวิชาการ
ช่างคำนวณ . . .มีวิชาการช่างเขียน ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมี
วิชาการช่างหม้อ ว่าท่านมีวิชาการช่างหูก ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่าน
มีวิชาการช่างกัลบก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด..
พูดประชดกระทบศิลป
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบ
วิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน .. .มีวิชาการ
ช่างหม้อ . . . มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่างกัลบก
ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่าง
เขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

62
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 63 (เล่ม 4)

พูดยกยอกระทบศิลป
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบวิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันมีวิชาการช่างนับ . . .มีวิชา
การช่างคำนวณ.. .มีวิชาการช่างเขียน ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมี
วิชาการช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่างเขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรค
ทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน . . .โรคฝี...โรคกลาก . ..โรค
มองคร่อ . . . โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ว่าท่านเป็นโรคฝี ว่าท่าน
เป็นโรคกลาก ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบ
โรคทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน
ว่าท่านเป็นโรคฝี ว่าท่านเป็นโรคกลาก ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ ว่าท่านเป็น
โรคลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

63
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 64 (เล่ม 4)

พูดประชดกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรค
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน . ..โรคฝี . . . โรคกลาก . ..
โรคมองคร่อ . . .โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้เป็นต้น ต้อง
อาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบโรค
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
โรคอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรค
เบาหวาน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้สูงเกินไป .. .ต่ำเกินไป ...ดำเกินไป
. . . ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนดำ
นัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว

64
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 65 (เล่ม 4)

กระทบรูปพรรณทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ไม่สูงนัก . ..ไม่ต่ำนัก ...ไม่
ดำนัก . . .ไม่ขาวนัก ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่าน
เป็นคนดำนัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.
พูดประชดกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป . . .ดำเกินไป
. . . ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่าเป็นคนไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็น
คนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.
พูดยกยอกระทบรูปพรรณ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ไม่สูงเกินไป.. .ไม่ต่ำเกินไป
. . . ไม่ดำเกินไป . . .ไม่ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคน
ไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบ

65
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 66 (เล่ม 4)

กิเลสทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม ...ถูกโทสะย่ำยี ...ผู้ถูก
โมหะครอบงำ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะ
ครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ . . .ปราศจากโทสะ . . .
ปราศจากโมหะ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะ
ครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสันบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม . . .ถูกโทสะย่ำยี ...
ถูกโมหะครอบงำ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่าน
ปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบกิเลส
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ. . .ปราศจากโทสะ
. . . ปราศจากโมหะ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่าน
ปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

66
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 67 (เล่ม 4)

พูดกดกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก . . .ผู้ต้องอาบัติ-
สังฆาทิเสส . . . ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . . ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ . . . ผู้ต้องอาบัติ
ปาฏิเทสนียะ. . . ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านต้องอาบัติ
ปาราชิก ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่าน
ต้องอาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถึงอาบัติอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องโสดาบัติ ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก
ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติปาฎิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้อง
อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... ผู้ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส . . . ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . . ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ . . . ผู้ต้องอาบัติ

67
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 68 (เล่ม 4)

ปาฎิเทสนียะ ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ... ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านถึง
โสดาบัติ ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบอาบัติ
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถึงอาบัติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้ถึงโสดาบัติ ว่าท่านถึงโสดาบัติ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติดังอูฐ . . .มีความ
ประพฤติดังแพะ ...มีความพระพฤติดังโค . . . มีความประพฤติดังลา . . .มี
ความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน ...มีความพระพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นอูฐ
ว่าท่านเป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน
ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบคำคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความพระพฤติอุกฤษฎ์ ด้วย
กล่าวกระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต ...ผู้ฉลาด

68
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 69 (เล่ม 4)

. . . ผู้มีปัญญา. . . ผู้พหูสูต .... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่านเป็นแพะ
ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก
สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสันบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความพระพฤติดังอูฐ มีความ
พระพฤติดังแพะ . . . มีความประพฤติดังโค . . . มีความประพฤติดังลา. . . มี
ความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน . . . มีความประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็น
บัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นพหูสูต
ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด
พูดยกยอกระทบคำสบประมาท
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอนุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต . . . ผู้ฉลาด. . . ผู้มี
ปัญญา. . . ผู้พหูสูต . . . ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด
ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นพหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของ
ท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

69
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 70 (เล่ม 4)

พูดเปรยกระทบชาติทราม ว่ามีบางพวก
[๒๔๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุป-
สันบัน ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนั้น คือกล่าวว่า มีอนุปสัมบัน
ในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นชาติคนจัณฑาล บางพวกเป็นชาติคนจักสาน
บางพวกเป็นชาติพราน บางพวกเป็นชาติคนช่างหนัง บางพวกเป็นชาติคน
เทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า มีอนุปสัมบันในพระ-
ธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นชาติกษัตริย์ บางพวกเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบชื่อทราม ว่ามีบางพวก
อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า มีอนุปสัมบันในพระ-
ธรรมวินัยนี้ บางพวกชื่ออวกัณณกะ บางพวกชื่อชวกัณณกะ บางพวกชื่อ
ธนิฎฐกะ บางพวกชื่อสวิฏฐกะ บางพวกชื่อกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้อง
อาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกชื่อพุทธรักขิต บางพวก
ชื่อธัมมรักขิต บางพวกชื่อสังฆรักขิต ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.

70