หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 41 (เล่ม 4)

ไม่ขาวนัก ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนคำนัก
ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบรูปพรรณ
[๒๒๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้สูงเกินไป . .. ต่ำเกินไป. . .ดำเกินไป...
ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคน
ไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ
คำพูด.
พูดยกยอกระทบรูปพรรณ
[๒๒๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ไม่สูงเกินไป. . .ไม่ต่ำเกินไป. . . ไม่
ดำเกินไป ...ไม่ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ด่านัก
ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบกิเลส
[๒๒๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลส

41
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 42 (เล่ม 4)

ทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม . . .ผู้ถูกโทสะย่ำยี. .. ผู้ถูกโมหะ
ครอบงำ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบกิเลส
[๒๒๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ . . . ปราศจากโทสะ .. .
ปราศจากโมหะ ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะ
ครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบกิเลส
[๒๒๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลส
อุกฤษฎ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม . . . ถูกโทสะย่ำยี . . .ถูกโมหะ
ครอบงำ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่านปราศจากโมหะ
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบกิเลส
[๒๒๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ .. . ปราศจากโทสะ ...
ปราศจากโมหะ ว่าท่านปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่านปราศจาก
โมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุก ๆ คำพูด.

42
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 43 (เล่ม 4)

อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบอาบัติ
[๒๒๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก. . .ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
...ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . . ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ . . . ผู้ต้องอาบัติปาฎิเทสนียะ. . .
ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ . . . ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก ว่าท่าน
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์
ว่าท่านต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบอาบัติ
[๒๓๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้คือโสดาบัติ ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก
ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติปาฎิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้อง
อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบอาบัติ
[๒๓๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก . . . ผู้ต้องอาบัติสังฆา-

43
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 44 (เล่ม 4)

ทิเสส . . . ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . . ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ . . . ผู้ต้องอาบัติปฎิเทส-
นียะ . . . ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ . . . ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต ว่าท่านถึงโสดาบัติ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบอาบัติ
[๒๓๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องโสดาบัติ ว่าท่านต้องโสดาบัติ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสันบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดระทบคำสบประมาท
[๒๓๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติดังอูฐ . . . มีความ
ประพฤติดังแพะ . . . มีความประพฤติดังโค . . . มีความประพฤติดังลา . . .มีความ
ประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน . . . มีความประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่า
ท่านเป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ติรัจฉาน ว่าท่าน
เป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบคำสบประมาท
[๒๓๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว

44
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 45 (เล่ม 4)

กระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต .. . ผู้ฉลาด . . . ผู้มี
ปัญญา. . . ผู้พหูสูต... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่านเป็นแพะ ว่าท่าน
เป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติ
ของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบคำสบประมาท
[๒๓๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติดังอูฐ . . .มีความ
ประพฤติดังแพะ . . .มีความพระพฤติดังโค . . . มีความประพฤติดังลา. . . มีความ
ประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน... มีความพระพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นบัณฑิต
ว่าท่านเป็นคนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นคนพหูสูต ว่าท่าน
เป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบคำสบประมาท
[๒๓๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต.. . ผู้ฉลาด... ผู้มี
ปัญญา. . . ผู้พหูสูต ... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด
ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็นพหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของ
ท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ
คำพูด.

45
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 46 (เล่ม 4)

อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดเปรยกระทบชาติทราม ว่ามีบางพวก
[๒๓๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนั้น คือกล่าวว่า มีภิกษุในพระธรรม
วินัยนี้ บางพวกเป็นชาติคนจัณฑาล บางพวกเป็นชาติคนจักสาน บางพวก
เป็นชาติพราน บางพวกเป็นชาติคนช่างหนัง บางพวกเป็นชาติดนเทดอกไม้
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
[๒๓๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนั้น คือกล่าวว่า มีภิกษุในพระธรรม
วินัยนี้ บางพวกเป็นชาติกษัตริย์ บางพวกเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบนามทราม ว่ามีบางพวก
[๒๓๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนั้น คือกล่าวว่า มีภิกษุในพระธรรม
วินัยนี้ บางพวกชื่ออวกัณณกะ บางพวกชื่อชวกัณณกะ บางพวกชื่อธนิฎฐกะ
บางพวกชื่อสวิฎฐกะ บางพวกชื่อกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบนามอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
. . . มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกชื่อพุทธรักขิต บางพวกชื่อ
ธัมมรักขิต บางพวกชื่อสังฆรักขิต ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

46
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 47 (เล่ม 4)

พูดเปรยกระทบโคตรทราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโกสิยโคตร บางพวกเป็น
ภารทวาชโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบโคตรอุกฤกฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโคตมโคตร บางพวกเป็น
โมคคัลลานโคตร บางพวกเป็นกัจจายนโคตร บางพวกเป็นว่าเสฏฐโคตร
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบการงานทราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวก ทำงานช่างไม้ บางพวกทำงาน
เทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกทำงานไถนา บางพวกทำงาน
ค้าขาย บางพวกทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆคำพูด.
พูดเปรยกระทบศีลปทราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีวิชาการช่างจักสาน บาง
พวกมีวิชาการช่างหม้อ บางพวกมีวิชาการช่างหูก บางพวกมีวิชาการช่างหนัง
บางพวกมีวิชาการช่างกัลบก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีวิชาการช่างนับ บางพวกมี
วิชาการช่างคำนวณ บางพวกมีวิชาการช่างเขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.

47
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 48 (เล่ม 4)

พูดเปรยกระทบโรคทราม ว่าบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโรคเรื้อน บางพวกเป็น
โรคฝี บางพวกเป็นโรคกลาก บางพวกเป็นโรคมองคร่อ บางพวกเป็นโรค
ลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้ ต้อง
อาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบรูปพรรณทราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกสูงเกินไป บางพวกต่ำเกินไป
บางพวกดำเกินไป บางพวกขาวเกินไป ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.
พูดเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกไม่สูงนัก บางพวกไม่ต่ำนัก
บางพวกไม่ดำนัก บางพวกไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.
พูดเปรยกระทบกิเลสทราม ว่ามีบางพวก
มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกถูกราคะกลุ้มรุม บางพวกถูก
โทสะย่ำยี บางพวกถูกโมหะครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ
คำพูด.

48
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 49 (เล่ม 4)

พูดเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกปราศจากราคะ บางพวก
ปราศจากโทสะ บางพวกปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบอาบัติทราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกต้องอาบัติปาราชิก บางพวก
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส บางพวกต้องอาบัติถุลลัจจัย บางพวกต้องอาบัติปาจิตตีย์
บางพวกต้องอาบัติปาฎิเทสนียะ บางพวกต้องอาบัติทุกกฏ บางพวกต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกถึงโสดาบัติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบคำสบประมาททราม ว่ามีบางพวก
...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีความประพฤติดังอูฐ บาง
พวกมีความพระพฤติดังแพะ บางพวกมีความพระพฤติดังโค บางพวกมีความ
ประพฤติดังลา บางพวกมีความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน บางพวกมีความ
ประพฤติดังสัตว์นรก สุคติของภิกษุรูปนั้นไม่มี ภิกษุพวกนั้นต้องหวังได้แต่
ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก
[๒๔๐] ...มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นบัณฑิต บาง
พวกเป็นคนฉลาด บางพวกเป็นคนมีปัญญา บางพวกเป็นพหูสูต บางพวก

49
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 50 (เล่ม 4)

เป็นธรรมกถึก ทุคติของภิกษุบางพวกนั้นไม่มี ภิกษุบางพวกนั้นต้องหวังได้
แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดเปรยกระทบชาติทราม ว่าพวกไรกันแน่
[๒๔๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า ภิกษุจำพวกใดกันแน่
เป็นชาติคนจัณฑาล.. .ชาติคนจักสาน ...ชาติพราน . ..ชาติคนช่างหนัง. ..
ชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่
. . .ภิกษุจำพวกไรกันแน่เป็นชาติกษัตริย์ . ..ชาติพราหมณ์ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบนามทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .ภิกษุจำพวกใดกันแน่ ชื่ออวกัณณกะ . . . ชื่อชวกัณณกะ... ชื่อ
ธนิฏฐกะ...ชื่อสวิฏฐกะ. .. ชื่อกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบนามอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรฉันแน่
. . .ภิกษุจำพวกไรกันแน่ ชื่อพุทธรักขิต. .. ชื่อธัมมรักขิต.. . ชื่อ
สังฆรักขิ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.
พูดเปรยกระทบโคตรทราม ว่าพวกไรกันแน่
. . .ภิกษุจำพวกไรกันแน่ เป็นโกสิยโคตร. .. ภารทวาชโคตร ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำพูด.

50