หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 31 (เล่ม 4)

[๑๙๐] ที่ชื่อว่า การงาน ได้แก่งานที่ทำ มี ๒ คือ งานทราม ๑
งานอุกฤษฎ์ ๑.
ที่ชื่อว่า งานทราม ได้แก่งานช่างไม้ งานเทดอกไม้ ก็หรืองานที่
เขาเย้ยหยัน เหยียดหยาม เกลียดชัง ดูหมิ่น ไม่นับถือกันในชนบทนั้น ๆ
นี้ชื่อว่างานทราม.
ที่ชื่อว่า งานอุกฤษฏ์ ได้แก่งานทำนา งานค้าขาย งานเลี้ยงโค
ก็หรืองานที่เขาไม่เย้ยหยัน ไม่เหยียดหยาม ไม่เกลียดชัง ไม่ดูหมิ่น นับถือกัน
ในชนบทนั้น ๆ นี้ชื่อว่างานอุกฤษฎ์.
[๑๙๑] ที่ชื่อว่า ศิลป ได้แก่วิชาการช่าง มี ๒ คือ วิชาการ
ช่างทราม ๑ วิชาการช่างอุกฤษฏ์ ๑.
ที่ชื่อว่า วิชาการช่างทราม ได้แก่ วิชาการช่างจักสาน วิชาการ
ช่างหม้อ วิชาการช่างหูก วิชาการช่างหนัง วิชาการช่างกัลบก ก็หรือวิชาการ
ช่างที่เขาเย้ยหยัน เหยียดหยาม เกลียดชัง ดูหมิ่น ไม่นับถือกันในชนบท
นั้น ๆ นี้ชื่อว่าวิชาการช่างทราม.
ที่ชื่อว่า วิชาการช่างอุกฤษฏ์ ได้แก่วิชาการช่างนับ วิชาการช่าง
คำนวณ วิชาการช่างเขียน ก็หรือวิชาการช่างที่เขาไม่เย้ยหยัน ไม่เหยียดหยาม
ไม่เกลียดชัง ไม่ดูหมิ่น นับถือกันในชนบทนั้น ๆ นี้ชื่อว่าวิชาการช่างอุกฤษฏ์.
[๑๙๒] โรค แม้ทั้งปวง ชื่อว่าทราม แต่โรคเบาหวาน ชื่อว่า
โรคอุกฤษฏ์.
[๑๙๓] ที่ชื่อว่า รูปพรรณ ได้แก่รูปพรรณมี ๒ คือ รูปพรรณ
ทราม ๑ รูปพรรณอุกฤษฏ์ ๑.

31
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 32 (เล่ม 4)

ที่ชื่อว่า รูปพรรณทราม คือ สูงเกินไป ต่ำเกินไป ดำเกินไป
ขาวเกินไป นี้ชื่อว่ารูปพรรณทราม.
ที่ชื่อว่า รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ดำนัก
ไม่ขาวนัก นี้ชื่อว่ารูปพรรณอุกฤษฎ์.
[๑๙๔] กิเลส แม้ทั้งปวง ชื่อว่าทราม.
[๑๙๕] อาบัติ แม้ทั้งปวง ชื่อว่าทราม แต่โสตาบัติ สมาบัติ ชื่อว่า
อาบัติอุกฤษฎ์.
[๑๙๖] ที่ชื่อว่า คำด่า ได้แก่คำด่า มี ๒ คือ คำด่าทราม ๑ คำด่า
อุกฤษฏ์ ๑.
ที่ชื่อว่า คำด่าทราม ได้แก่คำด่าว่า เป็นอูฐ เป็นแพะ เป็นโค
เป็นลา เป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวัง
ได้แต่ทุคติ คำด่าที่เกี่ยวด้วย ยะอักษร ภะอักษร หรือนิมิตของชายและนิมิต
ของหญิง นี้ชื่อว่าคำด่าทราม.
ที่ชื่อว่า คำด่าอุกฤษฏ์ ได้แก่ คำคำว่า เป็นบัณฑิต เป็นคนฉลาด
เป็นนักปราชญ์ เป็นพหูสูต เป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้อง
หวังได้แต่สุคติ นี้ชื่อว่าคำด่าอุกฤษฏ์.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบชาติ
[๑๙๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีชาติทราม ด้วยกล่าวกระทบชาติ
ทราม คือ พูดกะอุปสัมบันชาติคนจัณฑาล...ชาติคนจักสาน...ชาติพราน
...ชาติคนช่างหนัง...ชาติคนเทดอกไม้ ว่าเป็นชาติคนจัณฑาล ว่าเป็นชาติ

32
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 33 (เล่ม 4)

คนจักสาน ว่าเป็นชาติพราน ว่าเป็นชาติคนช่างหนัง ว่าเป็นชาติคนเทดอกไม้
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบชาติ
[๑๙๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชาติ
ทราม คือ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดกษัตริย์ . . . กำเนิดพราหมณ์ ว่าเป็นชาติ
คนจัณฑาล ว่าเป็นชาติคนจักสาน ว่าเป็นชาติพราน ว่าเป็นชาติคนช่างหนัง
ว่าเป็นชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบชาติ
[๑๙๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดทราม ด้วยกล่าวกระทบชาติ
อุกฤษฎ์ คือ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดคนจัณฑาล . . .กำเนิดคนจักสาน. . .กำเนิด
พราน. . .กำเนิดคนช่างหนัง. . .กำเนิดคนเทดอกไม้ ว่าเป็นชาติกษัตริย์ ว่า
เป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบชาติ
[๒๐๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบชาติ
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันกำเนิดกษัตริย์. . . กำเนิดพราหมณ์ ว่าเป็นชาติ
กษัตริย์ ว่าเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.

33
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 34 (เล่ม 4)

อุปสันบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบชื่อ
[๒๐๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีชื่อทรามด้วยกล่าวกระทบชื่อทราม
คือ พูดกะอุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ ... ชื่อชวกัณณกะ... ชื่อธนิฏฐกะ.. .
ชื่อสวิฏฐกะ... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านอวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่า
ท่านธนิฏฐกะ ว่าท่านสวิฎฐกะ ว่าท่านกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบชื่อ
[๒๐๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีชื่ออุกฤษฏ์ด้วยกล่าวกระทบชื่อทราม
คือ พูดกะอุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต ... ชื่อธัมมรักขิต... ชื่อสังฆรักขิต ว่า
ท่านอวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่าท่านธนิฏฐกะ ว่าท่านสวิฏฐกะ ว่า
ท่านกุลวัฑฒกะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบชื่อ
[๒๐๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีชื่อทรามด้วยกล่าวกระทบชื่ออุกฤษฎ์
คือ พูดกะอุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ... ชื่อชวกัณณกะ... ชื่อธนิฏฐกะ. . .
ชื่อสวิฎฐกะ... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านพุทธรักขิต ว่าท่านธัมมรักขิต ว่าท่าน
สังฆรักขิต ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.

34
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 35 (เล่ม 4)

พูดยกยอกระทบชื่อ
[๒๐๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสันบันมีชื่ออุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชื่อ
อุกฤษฎ์ คือพูด กะอุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต . . . ชื่อธัมมรักขิต . . . สังฆรักขิต
ว่าท่านพุทธรักขิต ว่าท่านธัมมรักขิต ว่าท่านสังฆรักขิต ดังนี้เป็นต้น ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบโคตร
[๒๐๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโคตรทรามด้วยกล่าวกระทบโคตร
ทราม คือพูดกะอุปสัมบันโกสิยโคตร. . . ภารทวาชโคตร ว่าท่านโกสิยโคตร
ว่าท่านภารทวาชโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโคตร
[๒๐๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฎ์ด้วยกล่าวกระทบโคตร
ทราม คือ พูดกะอุปสันบันโคตมโคตร.. . โมคคัลลานโคตร . . . กัจจายน-
โคตร . . . วาเสฏฐโคตร ว่าท่านโกสิยโคตร ว่าท่านภารทวาชโคตร ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบโคตร
[๒๐๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโคตรทรามด้วยกล่าวกระทบโคตร

35
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 36 (เล่ม 4)

อุกฤกษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันโกสิยโคตร. . .ภารทวาชโคตร ว่าท่านโคตม-
โคตร ว่าท่านโมคคัลลานโคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบโคตร
[๒๐๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฎ์ด้วยกล่าวกระทบโคตร
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันโคตมโคตร . . . โมคคัลลานโคตร. . . กัจจายน-
โคตร . . . วาเสฏฐโคตร ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่านโมคคัลลานโคตร ว่าท่าน
กัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ
คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกระทบการงาน
[๒๐๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบ
การงานทราม คือ พูดกะอุปสัมบันเป็นช่างไม้. . . เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่าน
ทำงานช่างไม้ ว่าท่านทำงานเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบการงาน
[๒๑๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ

36
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 37 (เล่ม 4)

การงานทราม คือพูดกะอุปสัมบันเป็นชาวนา . . . เป็นพ่อค้า . . . เป็นคนเลี้ยงโค
ว่าท่านทำงานช่างไม้ ว่าท่านทำงานเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบการงาน
[๒๑๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบ
การงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันเป็นช่างไม้ . . . เป็นคนเทดอกไม้ ว่า
ท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบการงาน
[๒๑๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
การงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันเป็นชาวนา. . . เป็นพ่อค้า ... เป็นคน
เลี้ยงโค ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกระทบศิลป
[๒๑๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบ
วิชาการช่างทราม คือ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน . . . มีวิชาการช่าง

37
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 38 (เล่ม 4)

หม้อ . . . มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่างกัลบก ว่า
ท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ ว่าท่านมีวิชาการช่างหูก
ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่านมีวิชาการช่างกัลบก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบศิลป
[๒๑๔] อุปสัมบันปรารถจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฎ์ด้วยกล่าวกระทบ
วิชาการช่างทราม คือ พูดกะอุปสัมบันวิชาการช่างนับ... มีวิชาการช่างคำนวณ
... มีวิชาการช่างเขียน ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ
ว่าท่านมีวิชาการช่างหูก ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง ว่าท่านมีวิชาการช่างกัลบก
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบศิลป
[๒๑๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบ
วิชาการช่างอุกฤษฎ์ คือ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน . . . มีวิชาการ
ช่างหม้อ . . . มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่างกัลบก
ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่าง
เขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบศิลป
[๒๑๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ด้วยกล่าวกระทบ

38
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 39 (เล่ม 4)

วิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างนับ . . . มีวิชาการช่าง
คำนวณ.. . มีวิชาการช่างเขียน. . . ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการ
ช่างคำนวณ ว่าท่านมีวิชาการช่างเขียน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสัมบัน
พูดกดกระทบโรค
[๒๑๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคทราม
คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน . . . โรคฝี. . .โรคกลาก . . โรคมองคร่อ...
โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ว่าท่านเป็นโรคฝี ว่าท่านเป็นโรคกลาก
ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโรค
[๒๑๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบโรค
ทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ว่าท่าน
เป็นโรคฝี ว่าท่านเป็นโรคกลาก ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ ว่าท่านเป็นโรค
ลมบ้าหมู ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบโรค
[๒๑๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรค

39
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 40 (เล่ม 4)

อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน. . .โรคฝี. . .โรคกลาก. . .โรค
มองคร่อ . . . โรคลมบ้าหมู ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุก ๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบโรค
[๒๒๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรค
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
อุปสัมบันด่าอุปสันบัน
พูดกดกระทบรูปพรรณ
[๒๒๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้สูงเกินไป . . . ต่ำเกินไป . . .ดำเกินไป. . .
ขาวเกินไป ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนคำนัก
ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบรูปพรรณ
[๒๒๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ไม่สูงนัก ...ไม่ต่ำนัก. ..ไม่ดำนัก. . .

40