บางครั้งหิริโอตตัปปะนั้นไม่พรากจากกันและกันเลย. เพราะความละอายไม่มี
กลัวย่อมมีไม่ได้ หรือความกลัวต่อบาปไม่มี ความละอายย่อมมีไม่ได้ ด้วย
ประการฉะนี้.
บทว่า อิเม เจ ภิกฺขเว เทฺว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุํ
ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผิว่า ธรรมไม่มีโทษ ๒ อย่างเหล่านี้ ไม่พึง
รักษาโลก คือ ผิว่า ธรรมรักษาโลกไม่พึงมี. บทว่า นยิธ ปญฺญาเยถ
มาตา ความว่า ในโลกนี้มารดาผู้บังเกิดเกล้า ก็จะไม่พึงปรากฏด้วยความ
เคารพว่า นี้มารดาของเรา ดังนี้ คือ ไม่พึงได้ชื่อว่า นี้เป็นมารดา. แม้ใน
บทที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน. บทว่า มาตุจฺฉา ได้แก่ น้า. บทว่า มาตุลานี
ได้แก่ ภรรยาของลุง (ป้า). บทว่า ครูนํ ได้แก่ ผู้อยู่ในฐานะควรเคารพ
มีลุง อา และพี่ชายใหญ่เป็นต้น. บทว่า สมฺเภทํ ได้แก่ ปะปนกันหรือ
ทำลายมารยาทอันดี. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงข้ออุปมา ด้วยบทเป็นต้นว่า
ยถา อเชฬกา ดังนี้. จริงอยู่ สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมไม่รู้ด้วยความเคารพ
ยำเกรงว่า นี้มารดาของเรา หรือน้าของเรา ดังนี้ . สัตว์ทั้งหลายย่อมปฏิบัติผิด
แม้ในวัตถุที่อาศัยเกิด. เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงนำการ
เปรียบเทียบมา จึงได้นำแพะและแกะเป็นต้นมา. ความย่อในข้อนี้มีดังนี้.
สัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายมีแพะแกะเป็นต้น เว้นจากหิริและโอตตัปปะ ไม่สำคัญ
มารดาเป็นต้น ทำลายประเพณีสมสู่กันได้ทุกหนแห่ง ฉันใด มนุษยโลกนี้
ก็ฉันนั้น ผิว่า ไม่มีธรรมคุ้มครองโลก ก็จะพึงสมสู่กันได้ทุกหนทุกแห่ง.
เพราะธรรมคุ้มครองโลกเหล่านี้ ยังคุ้มครองโลกอยู่ ฉะนั้น จึงไม่มีการสมสู่กัน
ด้วยประการฉะนี้.