No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ – หน้าที่ 801 (เล่ม 44)

ไปในชนบท เสด็จถึงกรุงสาวัตถี โดยลำดับนั้นแล ประทับอยู่ในพระ-
เชตวัน เพื่อจะแสดงการที่พระทัพพมัลลบุตรปรินิพพาน อันยังไม่ประจักษ์
ให้ประจักษ์แก่พวกภิกษุ. และเพื่อให้ปุถุชนผู้เหินห่างจากความเคารพใน
พระเถระ โดยการกล่าวตู่เรื่องไม่เป็นจริง ที่พวกภิกษุเมตติยะและภุมม-
ชกะกระทำไว้ ให้เกิดเป็นความนับถือมากในพระเถระ จึงได้ตรัสเรียก.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตตฺร นี้ เป็นเพียงนิบาต ใช้ในอรรถ
ว่า ให้ยินยอมตามถ้อยคำ. ศัพท์ว่า โข ใช้ในอรรถว่า อวธารณะ
แปลว่าห้ามข้อความอื่น. บรรดาบทเหล่านั้น ด้วยบทว่า ตตฺร นี้ ส่อง
อรรถที่กล่าวถึงเหล่านี้ว่า ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ตรัสเรียกเฉพาะพระภิกษุ. พระองค์ทรงแสดงความนี้ว่า ก็ด้วย
บทว่า โข นี้ ทรงตรัสเรียกเหมือนกัน ในการตรัสเรียก ภิกษุไม่มี
อันตรายอะไร ๆ เลย. อีกอย่างหนึ่ง. บทว่า ตตฺร ได้แก่ ในอาราม
นั้น. ศัพท์ว่า โข เป็นนิบาตใช้ในอรรถว่า วจนาลังการ ประดับถ้อย
คำให้ไพเราะ. บทว่า อามนฺเตสิ แปลว่า ได้ตรัสเรียกแล้ว.
ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสเรียกเฉพาะ
ภิกษุทั้งหลาย ? ตอบว่า เพราะเป็นผู้เจริญ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้ใกล้
ชิด เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นด้วยดีตลอดกาล และเพราะเป็นผู้รองรับพระธรรม-
เทศนา โดยพิเศษ.
บทว่า ภิกฺขโว เป็นแสดงอาการ คือการเรียกภิกษุเหล่านั้น.
บทว่า ภทนฺเต เป็นบทที่พวกภิกษุผู้ถูกตรัสเรียก ถวายคำตอบแด่พระ
ศาสดาโดยเคารพ. พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อตรัสเรียก จึงตรัสเรียกภิกษุ
เหล่านั้น ในบรรดาคำเหล่านั้น ด้วยคำว่า ภิกฺขโว. ภิกษุเหล่านั้นเมื่อ

801
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ – หน้าที่ 802 (เล่ม 44)

จะทูลก็ทูลตอบว่า ภทนฺเต. อีกอย่างหนึ่ง ด้วยคำว่า ภิกฺขโว นี้ ซึ่ง
เป็นพระดำรัสอันอิงอาศัยพระหทัยอันเยือกเย็น บันดาลให้เกิดพระกรุณา
เป็นประธาน พระองค์ทรงให้ภิกษุเหล่านั้นกลับจากการมนสิการกรรมฐาน
และพิจารณาธรรมเป็นต้นแล้ว ให้ผินหน้ามาหาพระองค์. ด้วยคำว่า
ภทนฺเต นี้ ซึ่งเป็นคำแสดงถึงความเอื้อเฟื้อ ความนับถือมาก และความ
เคารพในพระศาสดา ภิกษุเหล่านั้นจึงประกาศถึงความที่ตนเป็นผู้ฟังด้วย
ดี และความที่ตนมีความเคารพในการรับพระโอวาท. บทว่า ภควโต
ปจฺจสฺโสสุํ ความว่า ภิกษุเหล่านั้นฟังตอบ คือให้เกิดความต้องการ
เพื่อจะฟังพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า. บทว่า เอตทโวจ ความว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระสูตรทั้งสิ้นนี้ คือที่กำลังกล่าวอยู่ในบัดนี้.
คำมีอาทิว่า ทพฺพสฺส ภิกฺขเว มลฺลปุตฺตสฺส ดังนี้ มีเนื้อความดังกล่าว
ในสูตรติดกันนั่นแล. แม้ในบทว่า เอตมตฺถํ เป็นต้น ไม่มีคำที่ไม่เคย
กล่าว พึงทราบโดยนัยที่กล่าวไว้แล้วในสูตรติดกันเหมือนกัน.
ในคาถาทั้งหลาย มีวิเคราะห์ดังต่อไปนี้ บทว่า อโยฆนหตสฺส
ความว่า วัตถุชื่อว่า อโยฆนะ เพราะเป็นเครื่องตีเหล็ก ได้แก่ ค้อน
เหล็กและทั่งเหล็กของพวกช่าง. แห่งไฟที่ถูกค้อนเหล็กนั้นตี คือทุบ.
แต่อาจารย์บางพวกกล่าวอธิบายว่า บทว่า อโยฆนหตสฺส ได้แก่ ตีก้อน
แท่งเหล็ก. ก็ เอว ศัพท์ในคำว่า อโยฆนหตสฺส นั้น ได้แก่ ไฟที่ไหม้
อยู่. บทว่า ชลโต ชาตเวทโส นี้ เป็นฉัฏฐีวิภัตติ ใช้ในอรรถว่า
อนาทร. บทว่า อนุปุพฺพูปสนฺตสฺส ความว่า เมื่อไฟสบคือมอดลง
ได้แก่ ดับสนิทโดยลำดับ. บทว่า ยถา น ญายเต คติ ความว่า
เหมือนคติของไฟนั้น รู้ไม่ได้. ท่านกล่าวอธิบายคำนี้ไว้ว่า เมื่อไฟถูก

802
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ – หน้าที่ 803 (เล่ม 44)

ค้อนเหล็กใหญ่ มีทั่งเหล็กและค้อนเหล็กเป็นต้นกระทบอยู่ คือขจัดอยู่
หรือลุกโพลงติดภาชนะสำริดเป็นต้น อีกอย่างหนึ่ง เมื่อเสียงที่เกิดขึ้นก็
อย่างนั้น สงบ คือเข้าไปสงบด้วยดีโดยลำดับ คติของไฟหรือเสียง ย่อม
ไม่ปรากฏในที่ไหน ๆ ในทิศทั้ง ๑๐ เพราะดับสนิทโดยหาปฏิสนธิมิได้
โดยการดับปัจจัย. บทว่า เอวํ สมฺมา วิมุตฺตานํ ความว่า คติของพระ-
ขีณาสพทั้งหลาย ชื่อว่าผู้หลุดพ้นโดยชอบ เพราะหลุดพ้นจากอุปาทาน ๔
และอาสวะ ๔ โดยชอบ คือโดยเหตุ โดยญายธรรม ได้แก่ ด้วยอริย-
มรรค อันมีตทังควิมุตติและวิกขัมภนวิมุตติเป็นประธาน ลำดับนั้นนั่นแล
ชื่อว่า ผู้ข้ามโอฆะอันเป็นเครื่องผูกคือกาม เพราะข้ามกาโมฆะ กล่าว
คือ เครื่องผูกคือกาม และโอฆะที่เหลือ ต่างด้วยภโวฆะเป็นต้น ชื่อว่า
ผู้ถึง คือบรรลุ ความสุข อันเข้าไปสงบสังขารทั้งปวง กล่าวคืออนุปา-
ทิเสสนิพพาน อันชื่อว่า ไม่หวั่นไหว เพราะสงบระงับกิเลส อันเป็น
เหตุดิ้นรนด้วยดีเสียได้ และเพราะไม่สะเทือนด้วยลมคืออภิสังขาร ได้แก่
กิเลส ย่อมไม่มี คือย่อมไม่ได้เพื่อจะบัญญัติโดยไม่มีข้อที่จะพึงบัญญัติ
ว่า นี้ชื่อว่า คติ ในบรรดาคติต่างโดยเทวดาและมนุษย์เป็นต้น อธิบาย
ว่า ก็ท่านพระทัพพมัลลบุตรนั้น ไปสู่ภาวะที่หาบัญญัติมิได้นั่นเทียว
เหมือนไฟตามที่กล่าวแล้วฉะนั้น.
จบอรรถกถาทุติยทัพพสูตรที่ ๑๐
จบปาฏลิคามิยวรรควรรณนาที่ ๘

803
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ – หน้าที่ 804 (เล่ม 44)

ก็ด้วยถ้อยคำเพียงเท่านี้
พระองค์ผู้หลุดพ้นด้วยดี จากความยึดมั่นในภพ
ผู้อันเทพและทานพนับถือแล้ว ผู้ตัดความสืบต่อแห่ง
ตัณหาได้ขาดแล้ว ผู้แสดงปีติและสังเวช ผู้ยินดีใน
การประทานพระสัทธรรม ผู้เป็นผู้นำของชาวโลก
โดยพิเศษ ทรงเปล่งอุทานใดในที่นั้น ๆ เพราะเป็น
เหตุสิ้นอุปาทาน ที่พระธรรมสังคาหกาจารย์รวบรวม
ทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว ยกขึ้นสู่สังคายนา ร้อยกรอง
โดยชื่อว่าอุทานใด เพื่อประกาศอรรถของอุทานนั้น
ซึ่งอาศัยอรรถเก่า ๆ ที่ข้าพเจ้าเริ่มพรรณนาอรรถ
ไว้ด้วยดี อรรถวรรณนานั้น ว่าโดยชื่อ ชื่อว่าปรมัตถ-
ทีปนี อันเป็นเครื่องประกาศอรรถอันยิ่งในพระสูตร
นั้นตามสมควร มีวินิจฉัยไม่ฝั่นเฝือ จบบริบูรณ์โดย
บาลีภาณวาร ประมาณ ๓๔ ภาณวาร ดังนั้น ด้วย
อานุภาพแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้รจนาปรมัตถทีปนีนั้น
ได้รับแล้ว ขอพระศาสนาของพระโลกนาถเจ้า จง
สว่างไสวด้วยข้อปฏิบัติมีศีลเป็นต้น อันบริสุทธิ์ ขอ
ปวงสัตว์จงเป็นผู้มีส่วนแห่งวิมุตติรส ขอพระศาสนา
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงสถิตอยู่ในโลกตลอด
กาลนาน ขอปวงสัตว์จงมีความเคารพในพระพุทธ-
ศาสนาเป็นนิตย์ ขอฝนจงตกในพื้นปฐพี โดยชอบ

804
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ – หน้าที่ 805 (เล่ม 44)

ตามฤดูกาล ขอผู้ยินดีในพระสัทธรรม จงปกครอง
ชาวโลกโดยธรรม เทอญ.
อรรถกถาอุทาน
ที่ท่านพระธรรมปาลาจารย์ ผู้อยู่ในพทรติฏฐวิหาร รจนาไว้
จบบริบูรณ์.
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ปฐมนิพพานสูตร ๒. ทุติยนิพพานสูจร ๓. ตติยนิพพานสูตร
๔. จตุตถนิพพานสูตร ๕. จุนทสูตร ๖. ปาฏลิคามิยสูตร ๗. ทวิธา-
ปถสูตร ๘. วิสาขาสูตร ๙. ปฐมทัพพสูตร ๑๐. ทุติยทัพพสูตรและ
อรรถกถา.
รวมวรรคที่มีในอุทานนี้ คือ
โพธิวรรคที่ ๑ มุจลินทวรรคที่ ๒ นันทวรรคที่ ๓ เมฆิยวรรค
ที่ ๔ โสณวรรคที่ ๕ ชัจจันธวรรคที่ ๖ จูฬวรรคที่ ๗ ปาฏลิคามิย-
วรรคที่ ๘ มีสูตร ๘๐ สูตร วรรคทั้ง ๘ นี้ พระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ
ปราศจากมลทิน ทรงจำแนกไว้ดีแล้ว บัณฑิตทั้งหลายผู้มีศรัทธาแล ได้
กล่าววรรคนั้นว่า อุทาน ฉะนั้นแล.
จบอุทาน.

805
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ – หน้าที่ 1 (เล่ม 45)

พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ
เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๔
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เอกนิบาต
ปาฏิโภควรรคที่ ๑
๑. โลภสูตร
ว่าด้วยละโลภะได้เป็นพระอนาคามี
[๑๗๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งได้ เราเป็นผู้
รับรองเธอทั้งหลาย เพื่อความเป็นพระอนาคามี ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่ง คือ โลภะได้ เราเป็น
ผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี.

1
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ – หน้าที่ 2 (เล่ม 45)

ชนผู้เห็นแจ้งทั้งหลาย รู้ชัดด้วยดี
ซึ่งความโลภอันเป็นเหตุให้สัตว์ผู้โลภไปสู่
ทุคติ แล้วละได้ ครั้นละได้แล้ว ย่อม
ไม่มาสู่โลกนี้อีกในกาลไหน ๆ.
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้วฉะนี้แล.
จบโลภสูตรที่ ๑

2
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ – หน้าที่ 3 (เล่ม 45)

อรรถกถาขุททกนิกาย ชื่อปรมัตถทีปนี
อิติวุตตกวรณนา
อารัมภกถา
ข้าพเจ้าขอวันทาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้ทรงเป็นนาถะ ผู้มีพระทัยเปี่ยมล้นไป
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จถึงฝั่งสาคร
คือไญยธรรมได้แล้ว ทรงมีนัยเทศนาอัน
วิจิตรสุขุมคัมภีรภาพ.
ข้าพเจ้าขอวันทาพระธรรมนั้น อัน
อุดมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง-
บูชา ที่นำพาพระอริยสาวกทั้งหลายผู้
สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะให้พ้นไปจาก
โลก.
ข้าพเจ้าขอวันทาพระสงฆ์ ผู้เป็น
พระอริยะนั้น สถิตมั่นอยู่ในมรรคและผล
สมบูรณ์แล้วด้วยศีลาทิคุณเป็นนาบุญอย่าง
เยี่ยมยอด.
ด้วยเดชานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการ
วันทาพระรัตนตรัยดังได้พรรณนามานี้

3
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ – หน้าที่ 4 (เล่ม 45)

ขอข้าพเจ้าจงปลอดภัยจากอันตรายในที่ทุก
สถาน ในกาลทุกเมื่อเทอญ. พระธรรม
สังคาหกเถระทั้งหลายผู้จำพรรษาอยู่ในบุรี
มีปกติแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้รวบรวม
พระสูตรทั้งหลายที่พระผู้แสวงหาคุณธรรม
อันยิ่งใหญ่ได้ทรงแสดงไว้แล้ว โดยแยก
เป็นนิบาต มีเอกนิบาตเป็นอาทิอันส่อง
แสดงถึงการละซึ่งกิเลสทั้งหลายมีโลภะ
เป็นต้น ไว้อย่างวิเศษเข้าเป็นสายเดียวกัน
แล้วร้อยกรองบทอักษรดังกล่าวมานี้ โดย
เรียกชื่อว่า "อิติวุตตกะ" อันที่จริง การ
แต่งอรรถกถาพรรณนาความลำดับบทที่มี
อรรถอันลึกซึ้ง ในขุททกนิกายเป็นสิ่งที่
ข้าพเจ้าทำได้ยาก เพราะเป็นอรรถที่จะพึง
หยั่งถึงได้ก็ด้วยคัมภีรญาณ แต่เพราะเหตุ
ที่อรรถกถาจะช่วยทรงศาสนาของพระ-
ศาสดาไว้ได้ ทั้งวินิจฉัยของบรรดา
บุรพาจารย์ผู้เปรียบปานด้วยราชสีห์ก็จะยัง
คงดำรงอยู่ด้วย ฉะนั้น ข้าพเจ้าจักแต่ง
อรรถกถา "อิติวุตตกะ" ไว้ให้ดีตามกำลัง
โดยจะยึดวินิจฉัยของบรรดาบุรพาจารย์นั้น
เป็นหลัก ถือนิกาย ๕ เป็นเกณฑ์ อิงอาศัย
นัยจากอรรถกถาเก่า แม้จะเป็นเพียงคำ

4
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ – หน้าที่ 5 (เล่ม 45)

บอกกล่าวของนิสิต แต่ก็บริสุทธิ์ ไม่
คลาดเคลื่อน เป็นการวินิจฉัยอรรถที่
ละเอียดของบรรดาบุรพาจารย์คณะมหา-
วิหารแล้วเว้นความที่ซ้ำ ๆ กันเสีย.
สาธุชนทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลาย
ได้โปรดตั้งใจสดับการพรรณนาความแห่ง
อรรถกถา "อิติวุตตกะ" นั้น ของข้าพเจ้า
ผู้หวังให้พระสัทธรรมดำรงมั่นอยู่ได้นาน
จะได้จำแนกต่อไปนี้.
อธิบายอิติวุตตกะ
ในคาถานั้น ชื่อว่า อิติวุตตกะจัดเป็นนิบาต ๔ อย่าง คือ เอกนิบาต
ทุกนิบาต ติกนิบาต จตุกกนิบาต. อิติวุตตกะแม้นั้นนับเนื่องในสุตตันตปิฎก
ในปิฎก ๓ อย่าง คือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก อภิธรรมปิฎก. นับเนื่องใน
ขุททกนิกาย ในนิกาย ๕ อย่าง คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย
อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย. จัดเป็นอิติวุตตกะ ในนวังคสัตถุศาสน์ คือ
สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม
เวทัลละ. สงเคราะห์เข้าในธรรมขันธ์จำนวนเล็กน้อย ในธรรมขันธ์ ๘๔,๐๐๐
ที่พระอานนทเถระผู้เป็นธรรมภัณฑาคาริกปฏิญญาไว้ อย่างนี้ว่า
ธรรมเหล่าใดที่เป็นไปแก่ข้าพเจ้า
ธรรมเหล่านั้น ข้าพเจ้าเรียนจากพระ-
พุทธเจ้า ๘๒,๐๐๐ จากภิกษุ ๒,๐๐๐ รวมเป็น
๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์.

5