เป็นวิกัปปัตถะ อันมิได้อธิบายไว้เช่นนั้น ซึ่งมีรูปเป็นอเนก คือมีอย่าง
ต่าง ๆ กัน โดยความต่างแห่งนิสัยก็ดี ย่อมปรากฏ คือย่อมเกิดขึ้นใน
สัตวโลกนี้. สัตว์เหล่านั้นแม้ทั้งหมด ย่อมอาศัยคืออิงพึ่งพิงสัตว์และสังขาร
อันเป็นที่รัก คือมีชาติเป็นที่รัก ได้แก่ทำให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น คือบังเกิด
ขึ้น เมื่อวัตถุอันเป็นที่รักตามที่กล่าวแล้วนั้น คือเมื่อสัตว์และสังขารอัน
เป็นที่รักไม่มี ได้แก่ละฉันทราคะ อันกระทำความเป็นที่รัก ความเศร้า-
โศกเป็นต้นเหล่านั้น ก็ย่อมไม่เกิดในกาลบางคราว. สมจริงดังคำที่ท่าน
กล่าวไว้ว่า ความเศร้าโศกย่อมเกิดแต่สัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ฯ ล ฯ
ความเศร้าโศกย่อมเกิดแต่อารมณ์อันเป็นที่อันเป็นที่รักเป็นต้น และว่า
การทะเลาะ การวิวาท ความร่ำไร และความ
เศร้าโศก อันเกิดแต่สัตว์ และสังขารอันเป็นที่รัก
ย่อมมาด้วยความตระหนี่ ดังนี้เป็นต้น.
ก็ในที่นี้ ท่านกล่าวด้วยลิงควิปลาสว่า ปริเทวิตา วา ทุกฺขา วา.
อนึ่ง เมื่อควรจะกล่าวว่า ปริเทวิตานิ วา ทุกฺขานิ วา ดังนี้ พึงทราบ
ว่า ท่านทำการลบวิภัตติเสีย. บทว่า ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา
ความว่า เพราะเหตุที่ความเศร้าโศกเป็นต้น อันเกิดแต่สัตว์และสังขาร
อันเป็นที่รัก ย่อมไม่มีแก่ชนเหล่าใด ฉะนั้น ชนเล่านั้นนั่นแล ชื่อว่า
มีความสุข และปราศจากความเศร้าโศก. ก็คนเหล่านั้นคือใคร ? คือ
ชนผู้ไม่มีสัตว์และสังขารอันเป็นที่รักในโลกไหน ๆ อธิบายว่า ก็ชน
เหล่าใด คือพระอริยะย่อมไม่มีสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก คือภาวะเป็น
ที่รัก ว่าบุตรก็ดี ว่าพี่น้องชายก็ดี ว่าพี่น้องหญิงก็ดี ว่าภริยาก็ดี ไม่มี
ในโลกไหน ๆ คือในสัตวโลก และในสังขารโลก เพราะปราศจาก