ของบุคคลผู้กระทำกรรมชั่ว. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วินิบาต เพราะเป็นที่
พินาศตกไปของบุคคลผู้มีอวัยวะน้อยใหญ่แตกไปอยู่ ชื่อว่า นิรยะ เพราะ
เป็นที่ไม่มีความเจริญ อันเข้าใจกันว่าความยินดี.
อีกอย่างหนึ่ง ด้วยศัพท์ว่า อบาย ทรงแสดงถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน.
จริงอยู่ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานชื่อว่า อบาย เพราะปราศจากภูมิเป็นที่ไปดี
ไม่จัดเป็นทุคติ เพราะเป็นที่เกิดของพญานาคเป็นต้น ผู้มีศักดาใหญ่.
ด้วยศัพท์ว่า ทุคติ ท่านแสดงถึงวิสัยแห่งเปรต. จริงอยู่ ปิตติวิสัยนั้น
ชื่อว่า อบาย เพราะปราศจากสุคติ และชื่อว่า ทุคติ เพราะเป็นภูมิเป็น
ที่ไปแห่งทุกข์ แต่ไม่ใช่จัดเป็นวินิบาต เพราะไม่ได้ตกไปโดยไร้อำนาจ
เช่นพวกอสูร. จริงอยู่ แม้วิมานก็ย่อมบังเกิดแก่พวกเปรตผู้มีฤทธิ์มาก.
ด้วยศัพท์ว่า วินิปาตะ ทรงแสดงถึงอสุรกาย. ก็อสุรกายนั้น ว่าโดยอรรถ
ตามที่กล่าวแล้ว ท่านเรียกว่า อบาย และทุคติ เรียกว่า วินิบาต
เพราะตกไปโดยไร้อำนาจจากกองสมบัติทั้งหมด. ด้วยศัพท์ว่า นิรยะ ทรง
แสดงเฉพาะนรก ซึ่งมีประการมากมาย มีอเวจีเป็นต้น. บทว่า อุปปชฺชติ
แปลว่า ย่อมบังเกิด.
พึงทราบอานิสงสกถา โดยปริยายตรงกันข้ามดังกล่าวแล้ว. ส่วน
ความแปลกกันมีดังต่อไปนี้. บทว่า สีลวา ได้แก่ ผู้มีศีลโดยการสมาทาน.
บทว่า สีลสมฺปนฺโน ได้เเก่ ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล เพราะยังศีลให้สำเร็จ โดย
ทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์. บทว่า โภคกฺขนฺธํ ได้แก่ กองแห่งโภคะ ด้วย
สุคติศัพท์ ในบทว่า สุคติ สคฺคํ โลกํ นี้ ท่านรวมเอาคติของมนุษย์เข้า
ด้วย. ด้วยศัพท์ว่า สัคคะ ท่านหมายเอาคติของเทวดาเข้าด้วย. ในคติ
เหล่านั้น ชื่อ สุคติ เพราะมีคติดี. ชื่อว่า สัคคะ เพราะมีอารมณ์ด้วยดี