อรรถนี้ กล่าวคือความสำเร็จที่ตนประสงค์โดยเว้นจากการอธิษฐานนั้น
จึงทรงเปล่งอุทานนี้ อันแสดงเนื้อความนั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กึ กยิรา อุทปาเนน อาปา เจ ยทิ
สพฺพทา สิยุํ ความว่า ก็หากว่าน้ำในที่ทุกแห่งพึงมี คือพึงเกิดแก่บ่อน้ำ
ใด ตลอดกาลทั้งปวง คือถ้าบ่อน้ำพึงเนื่องด้วยเหตุเพียงความหวัง คือบ่อ
น้ำนั้นก็จะได้น้ำเหล่านั้น บุคคลพึงทำอะไร คือควรทำอะไรด้วยบ่อน้ำนั้น
อธิบายว่า บ่อน้ำจะมีประโยชน์อะไร. บทว่า ตณฺหาย มูลโต เฉตฺวา
กิสฺส ปริเยสนญฺจเร ความว่า สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่ได้ทำบุญไว้ ถูกตัณหา
ใดรัดรึง ย่อมเดือดร้อน เพราะทุกข์ในการไม่ได้สิ่งที่ตนปรารถนา พระ-
สัพพัญญูพุทธเจ้าผู้เช่นเรา ตัดรากหรือที่โคนของตัณหานั้นดำรงอยู่ พึง
เที่ยวแสวงหาน้ำ หรือแสวงหาปัจจัยอื่น เพื่อเหตุอะไร คือเพราะเหตุ
อะไร. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า มูลโต เฉตฺตา ดังนี้ก็มี. อธิบายว่า
ตัดรากหรือที่โคนของตัณหานั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า มูลโต เฉตฺตา
ความว่า ตัดตัณหาตั้งแต่ราก. ท่านอธิบายไว้ว่า พระองค์มิได้ทรงพระ-
ดำริถึงบุญสมภารทั้งสิ้นอันหาประมาณมิได้เพื่อพระองค์ จำเดิมแต่ตั้งความ
ปรารถนาใหญ่อันเป็นมูลเหตุแห่งพระโพธิญาณ ทรงบำเพ็ญโดยน้อมไป
เพื่อประโยชน์แก่สัตวโลกอย่างแท้จริง จึงทรงตัดตัณหาตั้งแต่ราก จะทรง
เที่ยวแสวงหาน้ำเพื่ออะไร คือเพราะเหตุไร เพราะผู้มีตัณหาเป็นตัวเหตุ
ไม่มีการได้สิ่งที่ตนปรารถนา แต่ชาวถูณคามเหล่านี้เป็นผู้บอดเขลาไม่รู้
เหตุนี้ จึงได้ทำอย่างนี้แล.
จบอรรถกถาอุทปานสูตรที่ ๙