สวิญญาณกทรัพย์และอวิญญาณกทรัพย์ทั้งหลาย มีทรัพย์คือ ข้าวเปลือก
บุตรและภรรยาเป็นต้น เป็นเครื่องจองจำที่มั่นคงกว่าเครื่องจองจำคือขื่อ
เป็นต้นเหล่านั้น ด้วยอันคูณด้วยร้อย คูณด้วยพัน คูณด้วยแสน, แต่
โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย ตัดเครื่องจองจำนั่นแม้ชนิดใหญ่ที่ตัดได้ยาก
ด้วยประการดังนี้แล้ว เข้าสู่ป่าหิมพานต์บวช." ดังนี้แล้ว ทรงนำอดีต
นิทานมา (ตรัส) ว่า
" ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในกรุง
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดแล้วในตระกูลคฤหบดีตกยากตระกูลหนึ่ง.
เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นเจริญวัย บิดาได้ทำกาละแล้ว. พระโพธิสัตว์นั้นทำ
การรับจ้างเลี้ยงมารดา. ต่อมา มารดากระทำนางกุลธิดาคนหนึ่งไว้ในเรือน
เพื่อพระโพธิสัตว์นั้น ผู้ไม่ปรารถนาเลย ในกาลต่อมาก็ได้กระทำกาละ
แล้ว. ฝ่ายภรรยาของพระโพธิสัตว์นั้นตั้งครรภ์แล้ว. พระโพธิสัตว์นั้น
ไม่ทราบว่าครรภ์ตั้งขึ้นเลย จึงกล่าวว่า " นางผู้เจริญ หล่อนจงทำการ
รับจ้างเลี้ยงชีพเถิด, ฉันจักบวช."
นางกล่าวว่า " นาย ครรภ์ตั้งขึ้นแล้วแก่ดิฉันมิใช่หรือ ? เมื่อดิฉัน
คลอดแล้ว ท่านจักเห็นทารกแล้ว จึงบวช." พระโพธิสัตว์นั้น รับว่า
" ดีละ " ในกาลแห่งนางคลอดแล้ว จึงอำลาว่า " นางผู้เจริญ หล่อนคลอด
โดยสวัสดีแล้ว, บัดนี้ ฉันจักบวชละ. " ทีนั้นนางกล่าวกะพระโพธิสัตว์
นั้นว่า " ท่านจงรอ เวลาที่ลูกน้อยของท่านหย่านมก่อน " แล้วก็ตั้งครรภ์
อีก.
พระโพธิสัตว์นั้นดำริว่า " เราไม่สามารถจะให้นางคนนี้ยินยอมแล้ว