ของหอมที่บดแล้ว ๆ มาใส่ในเรือทองคำทั้งหลาย. บรรดาเจ้าหญิงเหล่านั้น
เจ้าหญิงบางพวกจักถือกำดอกอุบลเขียว เคล้าของหอมที่ใส่ไว้ในเรือทองคำ
แล้ว จักให้ภิกษุรับเอาไออบ; เพราะเจ้าหญิงไม่มีแก่ชาวพระนครเลย
ทีเดียว. เศวตฉัตรก็ไม่มี. ช้างก็ไม่มี. ชาวพระนครจักพ่ายแพ้ด้วยเหตุ
เหล่านี้, ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงรับสั่งให้ทำอย่างนี้เถิด. " พระราชา
ทรงรับว่า " ดีละ พระเทวี เรื่องอันงาม เจ้าบอกแล้ว " จึงรับสั่งให้ทำ
กิจทั้งสิ้น โดยทำนองที่พระนางกราบทูลแล้วทีเดียว. ก็ช้างเชือกหนึ่ง
ยังไม่พอแก่ภิกษุรูปหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระราชาตรัสกับพระนางมัลลิกาว่า " นางผู้เจริญ ช้าง
เชือกหนึ่ง ยังไม่พอแก่ภิกษุรูปหนึ่ง. เราจักทำอย่างไร ? "
พระเทวี. ช้าง ๕๐๐ เชือกไม่มีหรือ ? พระเจ้าข้า.
พระราชา. มีอยู่ เทวี, แต่ช้างที่เหลือ เป็นช้างดุร้าย. ช้างเหล่านั้น
พอเห็นภิกษุทั้งหลายเข้า ย่อมเป็นสัตว์ดุร้าย เหมือนลมเวรัมภา. "
พระเทวี. ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันทราบที่เป็นที่ยืนถือฉัตร
ของลูกช้างซึ่งดุร้ายเชือกหนึ่ง.
พระราชา. เราจักเอาช้างยืน ณ ที่ไหน ?
พระเทวี. ยืน ณ ที่ใกล้ของพระผู้เป็นเจ้าชื่อว่าอังคุลิมาล.
พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษทำแล้วอย่างนั้น. ลูกช้างสอดหางเข้าใน
ระหว่างขา ได้ปรบหูทั้งสอง หลับตายืนอยู่แล้ว. มหาชนแลดูช้างที่ทรง
เศวตฉัตรเพื่อพระเถระเท่านั้น ด้วยคิดว่า " นี้เป็นอาการของช้างดุร้าย
ชื่อเห็นปานนี้ (ท่าน) พระอังคุลิมาลเถระย่อมทำได้. " พระราชาทรง
อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยอาหารอันประณีตแล้ว