สองบทว่า พหิติโยชนํ ปาเตติ มีความว่า โยนออกไปภายนอก
๓ โยชน์. เมื่อขนเจียมจะตกไปโดยไม่มีอันตราย พอพ้นจากมือ เป็น
นิสสัคคีย์ยปาจิตตีย์มากตัวตามจำนวนเส้นขน. ถ้าขนเจียมที่โยนไปนั้น
กระทบที่ต้นไม้ หรือเสาในภายนอก ๓ โยชน์แล้วตกลงภายใน (๓ โยชน์)
อีก ยังไม่ต้องอาบัติ. ถ้าห่อขนเจียม ตกลงฟื้นหยุดแล้วกลิ้งไป กลับ
เข้ามาภายใน ( ๓ โยชน์) อีก เป็นอาบัติแท้.
ภิกษุยืนข้างในเอามือ หรือเท้า หรือไม้เท้ากลิ้งไป, ห่อขนเจียม
จะหยุด หรือไม่หยุดก็ตาม กลิ้งออกไป, เป็นอาบัติเหมือนกัน. ภิกษุ
วางไว้ด้วยตั้งใจว่า คนอื่นจักนำไป, แม้เมื่อคนนั้นนำขนเจียมไปเป็น
อาบัติเหมือนกัน. ขนเจียมที่ภิกษุวางไว้ด้วยจิตบริสุทธิ์ลมพัดไปหรือคนอื่น
ให้ตกไป ในภายนอกโดยธรรมดาของตน เป็นอาบัติเหมือนกัน เพราะ
ภิกษุมีอุตสาหะ และเพราะสิกขาบทเป็นอจิตตกะ. แต่ในกุรุนทีเป็นต้น
ท่านกล่าวอนาบัติไว้ ในเพราะขนเจียมที่ถูกลมพัดไป หรือบุคคลอื่นให้
ตกไปภายนอกนี้, อนาบัติที่ท่านกล่าวไว้นั้น ไม่สมด้วยบาลีแห่งอนา-
ปัตติวาร.
ภิกษุกระทำห่อทั้งสองข้างให้เนื่องเป็นอันเดียวกัน เมื่อวางไว้ให้
ห่อหนึ่งอยู่ภายในเขตแดน อีกห่อหนึ่งให้อยู่ในภายนอกเขตแดน, ยัง
รักษาอยู่ก่อน. แม้ในหาบที่เนื่องเป็นอัน เดียวกัน ก็มีนัยเหมือนกันนี้.
แต่ถ้าว่าขนเจียมเป็นเพียงแต่ภิกษุวางไว้ที่ปลายหาบมิได้ผูกเลย, ย่อมคุ้ม
อาบัติไม่ได้. เมื่อภิกษุสับเปลี่ยนแม้ขนเจียมที่เนื่องเป็นอันเดียวกันไปวาง
ไว้แทน ก็เป็นอาบัติเหมือนกัน.
ในคำว่า อญฺญสฺส ยาเน วา นี้ มีวินิจฉัยดังนี้:- ภิกษุวางไว้บน