แล. คำที่เหลือมีอรรถตื้นทั้งนั้น. สมุฏฐานเป็นต้น ก็เป็นเหมือนโกสิย-
สิกขาบทนั่นแล, แต่สิกขาบทนี้เป็นทั้งกิริยาและอกิริยาแล.
พรรณนาฉัพพัสสสิกขาบทที่ ๔ จบ
โกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๕
เรื่องพระอุปเสนวังคันตบุตร
[๙๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรา
ปรารถนาจะหลีกออกเร้นอยู่ตลอดไตรมาส ใคร ๆ อย่าเข้าไปหาเรา
นอกจากภิกษุผู้นำบิณฑบาตเข้ารูปให้รูปเดียว.
ภิกษุเหล่านั้นรับพระพุทธาณัติแล้ว ไม่มีใครไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าในพระวิหารนี้เลย นอกจากภิกษุผู้นำบิณฑบาตเข้าไปถวายรูปเดียว
โดยแท้ ถึงอย่างนั้น สงฆ์ในเขตพระนครสาวัตถีก็ยังตั้งกติกากันไว้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะเสด็จหลีกออกเร้นอยู่
ตลอดไตรมาส ใคร ๆ ไม่พึงเข้าไปเฝ้าพระองค์ นอกจากภิกษุผู้นำ
บิณฑบาตเข้าไปถวายรูปเดียว ภิกษุรูปใดเข้าไปเฝ้าพระองค์ ต้องให้
แสดงอาบัติปาจิตตีย์.
[๙๒] ครั้งนั้น ท่านพระอุปเสนวังคันตบุตกับภิกษุบริษัทเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว