No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 15 (เล่ม 40)

ธุระ ๒ อย่างในพระศาสนา
พระศาสดาตรัสตอบว่า "ภิกษุ ธุระมี ๒ อย่าง คือ คันถธุระ
(กับ) วิปัสสนาธุระ เท่านั้น."
พระมหาปาละทูลถามว่า "พระเจ้าข้า ก็คันถธุระเป็นอย่างไร ?
วิปัสสนาธุระเป็นอย่างไร ?"
ศ ธุระนี้ คือ การเรียนนิกายหนึ่งก็ดี สองนิกายก็ดี จบพุทธ-
วจนะคือพระไตรปิฏกก็ดี ตามสมควรแก่ปัญญาของตนแล้วทรงไว้ กล่าว
บอก พุทธวจนะนั้น ชื่อว่าคันถธุระ. ส่วนการเริ่มตั้งความสิ้นและ
ความเสื่อมไว้ในอัตภาพ ยังวิปัสสนาให้เจริญ ด้วยอำนาจแห่งการติดต่อ
แล้ว ถือเอาพระอรหัตของภิกษุผู้มีความประพฤติแคล่วคล่อง ยินดียิ่งแล้ว
ในเสนาสนะอันสงัด ชื่อว่าวิปัสสนาธุระ.
ม. พระเจ้าข้า ข้าพระองค์บวชแล้วแต่เมื่อแก่ ไม่สามารถจะ
บำเพ็ญคันถธุระให้บริบูรณ์ได้, แต่จักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระให้บริบูรณ์,
ขอพระองค์ตรัสบอกพระกรรมฐานแก่ข้าพระองค์เถิด.
พระมหาปาละเดินทางไปบ้านปลายแดน
ลำดับนั้น พระศาสดาได้ตรัสบอกพระกรรมฐานตลอดถึงพระอรหัต
แก่พระมหาปาละ. ท่านถวายบังคมพระศาสดาแล้ว แสวงหาภิกษุผู้จะ
ไปกับตน ได้ภิกษุ ๖๐ รูปแล้ว ออกพร้อมกับเธอทั้งหลายไป
ตลอดทาง ๑๒๐ โยชน์ ถึงบ้านปลายแดนหมู่ใหญ่ตำบลหนึ่ง จึงพร้อม
ด้วยบริวาร เข้าไปบิณฑบาต ณ บ้านนั้น.

15
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 16 (เล่ม 40)

ชาวบ้านเลื่อมใสอาราธนาให้อยู่จำพรรษา
หมู่มนุษย์ เห็นภิกษุทั้งหลาย ผู้ถึงพร้อมด้วยวัตร มีจิตเลื่อมใส
แต่งอาสนะแล้วนิมนต์ให้นั่ง อังคาสด้วยอาหารอันประณีตแล้ว ถามว่า
"ท่านเจ้าข้า พระผู้เป็นเจ้าจะไปที่ไหน ?" เมื่อเธอทั้งหลายกล่าว
ตอบว่า "อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย เราจะไปสู่ที่ตามผาสุก" ดังนี้
แล้ว, มนุษย์ผู้เป็นบัณฑิตรู้ว่า "ท่านผู้เจริญทั้งหลายแสวงหาเสนาสนะ
ที่จำพรรษา," จึงกล่าวอาราธนาว่า " ท่านผู้เจริญ ถ้าพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งหลาย พึงอยู่ ณ ที่นี่ตลอดไตรมาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย จะพึงตั้งอยู่
ในสรณะแล้วถือศีล." แม้เธอทั้งหลายก็คิดเห็นว่า "เราได้อาศัยตระกูล
เหล่านี้ จักทำการออกไปจากภพได้" ดังนี้ จึงรับนิมนต์. หมู่มนุษย์รับ
ปฏิญญาของเธอทั้งหลายแล้ว ได้ (ช่วยกัน) ปัดกวาดวิหาร จัดที่อยู่
ในกลางคืน และที่อยู่ในกลางวันแล้วมอบถวาย. เธอทั้งหลาย เข้าไป
บิณฑบาตบ้านนั้นตำบลเดียวเป็นประจำ. ครั้งนั้น หมอผู้หนึ่งเข้าไปหา
เธอทั้งหลาย ปวารณาว่า "ท่านผู้เจริญ ธรรมดาในที่อยู่ของคนมาก
ย่อมมีความไม่ผาสุกบ้าง. เมื่อความไม่ผาสุกนั้นเกิดขึ้นแล้ว ท่านทั้งหลาย
พึงบอกแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักทำเภสัชถวาย."
พระมหาปาละถือเนสัชชิกธุดงค์
ในวันจำพรรษา๑ พระเถระเรียกภิกษุเหล่านั้นมา (พร้อมกัน )
แล้ว ถามว่า "ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจักให้ไตรมาสนี้น้อม
ล่วงไปด้วยอิริยาบถเท่าไร ?"
๑. วสฺสปนายิกทิวเส.

16
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 17 (เล่ม 40)

ภิกษุทั้งหลายเรียนตอบว่า "จักให้น้อมล่วงไปด้วยอิริยาบถครบทั้ง
๔ ขอรับ."
ถ. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ข้อนั้นสมควรละหรือ ? เราทั้งหลาย
ควรเป็นผู้ไม่ประมาทไม่ใช่หรือ ? เพราะเราทั้งหลายเรียนพระกรรมฐาน
มาจากสำนักของพระพุทธเจ้า ผู้ยังทรงพระชนม์อยู่. แลธรรมดาว่า
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันคนมักอวดไม่สามารถจะให้ทรงยินดีได้, ด้วยว่า
พระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น อันคนมีอัธยาศัยงาม (จำพวกเดียว) พึงให้
ทรงยินดีได้, และขึ้นชื่อว่าอบายทั้ง ๔ เป็นเหมือนเรือนของตัวเอง แห่ง
คนผู้ประมาทแล้ว, ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด ท่านผู้มีอายุ
ทั้งหลาย.
ภ. ก็ท่านเล่า ขอรับ.
ถ. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ข้าพเจ้าจักให้ (ไตรมาสนี้) (น้อม)
ล่วงไปด้วยอิริยาบถ ๓ , จักไม่เหยียดหลัง.
ภ. สาธุ ขอจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด ขอรับ.
จักษุของพระมหาปาละพิการ
เมื่อพระเถระไม่หยั่งลงสู่นิทรา, เมื่อเดือนต้นผ่านไปแล้ว, โรค
ในจักษุก็เกิดขึ้น. สายน้ำไหลออกจากตาทั้ง ๒ ข้าง เหมือนสายน้ำอัน
ไหลออกจากหม้ออันทะลุ. ท่านบำเพ็ญสมณธรรมตลอดราตรีทั้งสิ้นแล้ว
ในเวลาอรุณขึ้น เข้าห้องนั่งแล้ว. ในเวลาภิกขาจาร ภิกษุทั้งหลายไปสู่
สำนักของพระเถระเรียนว่า "เวลานี้เป็นเวลาภิกขาจาร ขอรับ." พระ-
เถระตอบว่า "ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายถือบาตร

17
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 18 (เล่ม 40)

และจีวรเถิด" ดังนี้แล้ว ให้เธอทั้งหลายถือบาตรและจีวรของตน ออก
ไปแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย เห็นตาทั้งสองของพระเถระนองอยู่ จึงเรียนถามว่า
" นั่นเป็นอะไร ขอรับ."
ถ. ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ลมแทงตาของข้าพเจ้า.
ภ. ท่านขอรับ หมอปวารณาเราไว้ไม่ใช่หรือ ? เราควรบอก
แก่เขา.
ถ. ดีละ ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย.
หมอปรุงยาให้หยอด
เธอทั้งหลายจึงได้บอกแก่หมอ. เขาหุงน้ำมันส่งไปถวายแล้ว.
พระเถระเมื่อหยอดน้ำมันในจมูก นั่งหยอดเทียวแล้วเข้าไปภายในบ้าน.
หมอเห็นเรียนถามว่า "ท่านขอรับ ได้ยินว่า ลมแทงตาของพระผู้
เป็นเจ้าหรือ ?"
ถ. เออ อุบาสก.
ม. ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าหุงน้ำมันแล้วส่งไป ( ถวาย) ท่านหยอด
ทางจมูกแล้วหรือ ?
ถ. เออ อุบาสก.
ม. เดี๋ยวนี้ เป็นอย่างไร ขอรับ.
ถ. ยังแทงอยู่ทีเดียว อุบาสก.
พระมหาปาละนั่นหยอดยา
หมอคิดฉงนใจ "เราส่งน้ำมันเพื่อจะยังโรคให้ระงับได้ด้วยการ

18
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 19 (เล่ม 40)

หยอดเพียงครั้งเดียวเท่านั้นไปถวายแล้ว. เหตุไฉนหนอแล โรคจึงยังไม่
สงบ ?" จึงเรียนถามว่า "ท่านเจ้าข้า น้ำมันนั้นท่านนั่งหยอดหรือ
นอนหยอด."
พระเถระได้นิ่งเสีย, ท่านแม้หมอซักถามอยู่ก็ไม่พูด.
หมอนึกว่า "เราจักไปวิหารดูที่อยู่เอง" ดังนี้แล้ว กล่าวว่า
"ถ้าอย่างนั้น นิมนต์ไปเถิด ขอรับ" ผละพระเถระแล้ว ไปสู่วิหารดู
ที่อยู่ของพระเถระ เห็นแต่ที่จงกรมและที่นั่ง ไม่เห็นที่นอน จึงเรียนถามว่า
" ท่านเจ้าข้า น้ำมันนั้น ท่านนั่งหยอดหรือนอนหยอด" พระเถระได้
นิ่งเสีย. หมออ้อนวอนซ้ำว่า "ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าได้ทำอย่างนั้น.
ธรรมดาสมณธรรม เมื่อร่างกายยังเป็นไปอยู่ ก็อาจทำได้, ขอท่านนอน
หยอดเถิด."
พระมหาปาละปรึกษากรัชกาย
พระเถระตอบว่า " ไปเถิด ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าจักปรึกษาดูก่อนแล้ว
จึงจักรู้. ก็ในที่นั้นไม่มีญาติสาโลหิตของพระเถระเลย ท่านจะพึงปรึกษา
กับใครเล่า. ถึงอย่างนั้นท่านปรึกษากับกรัชกายอยู่๑ ดำริว่า "แน่ะปาลิตะ
ผู้มีอายุ ท่านจงว่ามาก่อน, ท่านจักเห็นแก่จักษุหรือจักเห็นแก่พระพุทธ-
ศาสนา. ก็ในสังสารวัฏอันมีที่สุด อันใครตามค้นไปก็รู้ไม่ได้ การคณนา
นับตัวท่านผู้บอดด้วยจักษุหามีไม่, และพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ล่วงไป
หลายร้อยหลายพันพระองค์แล้ว ในพระพุทธเจ้าเหล่านั้น พระพุทธเจ้า
แม้แต่พระองค์เดียวก็กำหนดไม่ได้, ท่านได้ผูกใจไว้เดี๋ยวนี้เองว่า "จักไม่
๑. แปลว่ากายอันเกิดแต่ธุลีมีในสรีระ.

19
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 20 (เล่ม 40)

นอน จนตลอด ๓ เดือนภายในฤดูฝนนี้; เหตุฉะนั้น จักษุของท่าน
ฉิบหายเสียหรือแตกเสียก็ตามเถิด ท่านจงทรงแต่พระพุทธศาสนาไว้เถิด
อย่าเห็นแก่จักษุเลย" เมื่อกล่าวสอนภูตกาย ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า:-
" จักษุที่ท่านถือว่าของตัว เสื่อมไปเสียเถิด หูก็
เสื่อมไปเสียเถิด, กายก็เป็นเหมือนกันอย่างนั้นเถิด,
แม้สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้ ก็เสื่อมไปเสียเถิด,
ปาลิตะ เหตุไฉน ท่านจึงประมาทอยู่. จักษุที่ท่าน
ถือว่าของตัว ทรุดโทรมไปเสียเถิด, หูก็ทรุดโทรมไป
เสียเถิด, กายก็เป็นเหมือนกันอย่างนั้นเถิด, แม้
สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้ก็ทรุดโทรมไปเสียเถิด, ปาลิตะ
เหตุไฉน ท่านจึงประมาทอยู่. จักษุที่ท่านถือว่าของตัว
แตกไปเสียเถิด, หูก็แตกไปเสียเถิด, รูปก็เป็น
เหมือนกันอย่างนั้นเถิด, แม้สรรพสิ่งอันอาศัยกายนี้
ก็แตกไปเสียเถิด, ปาลิตะ เหตุไฉน ท่านจึง
ประมาทอยู่ ."
หมอเลิกรักษาพระมหาปาละ
ครั้นพระเถระให้โอวาทแก่ตนเองด้วย ๓ คาถาอย่างนี้แล้ว ได้นั่ง
ทำนัตถุกรรม๑ แล้วจึงเข้าไปบ้านเพื่อบิณฑบาต หมอเห็นแล้วเรียนถามว่า
"ท่านเจ้าข้า ท่านทำนัตถุกรรมแล้วหรือ ?"
ถ. เออ อุบาสก.
๑. คือเป่าน้ำมัน.

20
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 21 (เล่ม 40)

ม. เป็นอย่างไรบ้าง ขอรับ.
ถ. ยังแทงอยู่เทียว อุบาสก.
ม. ท่านนั่งหยอดหรือนอนหยอด ขอรับ.
พระเถระได้นิ่งเสีย, ท่านแม้อันหมอถามซ้ำ ก็ไม่พูดอะไร.
ขณะนั้น หมอกล่าวกะท่านว่า "ท่านผู้เจริญ ท่านไม่ทำความสบาย
ตั้งแต่วันนี้ ขอท่านอย่าได้กล่าวว่า 'หมอผู้โน้นหุงน้ำมันให้เรา' แม้
ข้าพเจ้าก็จักไม่กล่าวว่า ่ข้าพเจ้าหุงน้ำมันถวายท่าน."
พระเถระเสียจักษุพร้อมกับการบรรลุพระอรหัต
พระเถระถูกหมอบอกเลิกแล้ว กลับไปสู่วิหาร ดำริว่า "ท่าน
แม้หมอเขาก็บอกเลิกแล้ว ท่านอย่าได้ละอิริยาบถเสียนะ สมณะ" แล้ว
กล่าวสอนตนด้วยคาถานี้ว่า
"ปาลิตะ. ท่านถูกหมอเขาบอกเลิกจากการรักษา
ทิ้งเสียแล้ว เที่ยงต่อมัจจุราช ไฉนจึงยังประมาท
อยู่เล่า ?"
ดังนี้แล้ว บำเพ็ญสมณธรรม.
ลำดับนั้น พอมัชฌิมยามล่วงแล้ว, ทั้งดวงตา ทั้งกิเลส ของท่าน
แตก (พร้อมกัน ) ไม่ก่อนไม่หลังกว่ากัน. ท่านเป็นพระอรหันต์
สุกขวิปัสสก๑ เข้าไปสู่ห้องนั่งแล้ว.
พวกภิกษุและชาวบ้านรับบำรุงพระเถระ
ในเวลาภิกขาจาร ภิกษุทั้งหลายไปเรียนว่า "ท่านผู้เจริญ เวลานี้
๑. คือ เป็นพระอรหันต์ ฝ่ายวิปัสสนา.

21
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 22 (เล่ม 40)

เป็นเวลาภิกขาจาร."
ถ. กาลหรือ ? ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย.
ภ. ขอรับ.
ถ. ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายไปเถิด.
ภ. ก็ท่านเล่า ? ขอรับ.
ถ. ตาของข้าพเจ้า เสื่อมเสียแล้ว ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย.
เธอทั้งหลายแลดูตาของท่านแล้ว มีตาเต็มด้วยน้ำตา ปลอบพระเถระ
ว่า "ท่านผู้เจริญ ท่านอย่าคิดไปเลย, กระผมทั้งหลายจักปฏิบัติท่าน"
ดังนี้แล้ว ทำวัตรปฏิบัติที่ควรจะทำเสร็จแล้วเข้าไปสู่บ้าน. หมู่มนุษย์ไม่
เห็นพระเถระ ถามว่า "ท่านเจ้าข้า พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ไปข้างไหนเสีย" ทราบข่าวนั้นแล้ว ส่งข้าวต้มไปถวายก่อนแล้ว ถือเอา
บิณฑบาตไปเอง ไหว้พระเถระแล้ว ร้องไห้กลิ้งเกลือกอยู่แทบเท้า
(ของท่าน) ปลอบว่า "ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายจักรับปฏิบัติ
ท่านอย่าได้คิดไปเลย" แล้วลากลับ . ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ส่งข้าวต้มและ
ข้าวสวยไปถวายที่วิหารเป็นนิตย์.
ฝ่ายพระเถระ ก็กล่าวสอนภิกษุ ๖๐ รูปนอกนี้เป็นนิรันดร์. เธอ
ทั้งหลายตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน. ครั้นจวนวันปวารณา ก็บรรลุพระ-
อรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทุกรูป.
พวกภิกษุไปเฝ้าพระศาสดา
ก็แลเธอทั้งหลายออกพรรษาแล้ว อยากจะเฝ้าพระศาสดา จึงเรียน
พระเถระว่า "กระผมทั้งหลายอยากจะเฝ้าพระศาสดา ขอรับ."

22
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 23 (เล่ม 40)

พระเถระได้ฟังคำของเธอทั้งหลายแล้ว คิดว่า "เราเป็นคน
ทุพพลภาพ และในระหว่างทาง ดงที่อมนุษย์สิงก็มีอยู่ เมื่อเราไปกับเธอ
ทั้งหลาย จักพากันลำบากทั้งหมด จักไม่อาจเพื่ออันได้แม้ภิกษา เราจัก
ส่งภิกษุเหล่านี้ไปเสียก่อน ลำดับนั้น ท่านจึงกล่าวกะเธอทั้งหลายว่า
" ผู้มีอายุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไปก่อนเถิด."
ภ. ก็ท่านเล่า ? ขอรับ.
ถ. ข้าพเจ้าเป็นคนทุพพลภาพ และในระหว่างทาง ดงที่อมนุษย์
สิงก็มียู่ เมื่อข้าพเจ้าไปกับท่านทั้งหลาย จักพากันลำบากทั้งหมด ท่าน
ทั้งหลายไปก่อนเถิด.
ภ. อย่าทำอย่างนี้เลย ขอรับ กระผมทั้งหลายจักไปพร้อมกันกับ
ท่านทีเดียว.
ถ. "ท่านทั้งหลายอย่าชอบอย่างนั้นเลย, เมื่อเป็นอย่างนั้น ความ
ไม่ผาสุกจักมีแก่ข้าพเจ้า, น้องชายของข้าพเจ้า เห็นท่านทั้งหลายแล้ว
คงจักถาม. เมื่อเช่นนั้น ท่านทั้งหลายพึงบอกความที่จักษุของข้าพเจ้า
เสื่อมเสียแล้วแก่เขา เขาคงจักส่งใคร ๆ มาสู่สำนักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า
จักไปกับเขา, ท่านทั้งหลายจงไหว้พระทศพลและพระอสีติมหาเถระตาม
คำของข้าพเจ้า ดังนี้แล้ว ก็ส่งภิกษุเหล่านั้นไป.
พวกภิกษุแจ้งข่าวแก่น้องชายพระเถระ
เธอทั้งหลายขมาพระเถระแล้ว เข้าไปสู่ภายในบ้าน. หมู่มนุษย์
นิมนต์ให้นั่ง ถวายภิกษาแล้ว ถามว่า "ท่านเจ้าข้า ดูท่าทีพระผู้เป็น
เจ้าทั้งหลายจะไปกันละหรือ ?"

23
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 24 (เล่ม 40)

เธอทั้งหลายตอบว่า " เออ อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย พวก
ข้าพเจ้าอยากจะเฝ้าพระศาสดา." พวกเขาอ้อนวอนเป็นหลายครั้นแล้ว
ทราบความพลใจในการที่เธอทั้งหลายจะไปให้ได้ จึงตามไปส่งแล้ว
บ่นรำพันกลับมา.
ฝ่ายเธอทั้งหลายไปถึงพระเชตวันโดยลำดับ ถวายบังคมพระศาสดา
และไหว้พระมหาเถระทั้งหลาย ตามคำของพระเถระแล้ว, ครั้นรุ่งขึ้น
เข้าไปสู่ถนนที่น้องชายของพระเถระอยู่ เพื่อบิณฑบาต. กุฏุมพีจำเธอ
ทั้งหลายได้ นิมนต์ให้นั่ง ทำปฏิสันถารแล้ว ถามว่า "พระเถระพี่ชาย
ของข้าพเจ้าอยู่ไหน ?"
ลำดับนั้น เธอทั้งหลาย แจ้งข่าวนั้นแก่เขาแล้ว.
เขาร้องไห้กลิ้งเกลือกอยู่แทบบาทมูลของเธอทั้งหลาย ถมว่า "ท่าน
เจ้าข้า บัดนี้ควรทำอะไรดี ?"
ส่งสามเณรหลานชายไปรับพระเถระ
ภ. พระเถระต้องการให้ใคร ๆ ไปจากที่นี้, ในกาลเมื่อไปถึงแล้ว
ท่านจักมากับเขา.
ก. ท่านเจ้าข้า เจ้าคนนี้ หลานของข้าพเจ้าชื่อปาลิตะ ขอท่าน
ทั้งหลายส่งเจ้านี่ไปเถิด.
ภ. ส่งไปอย่างนี้ไม่ได้ (เพราะ) อันตรายในทางมีอยู่, ต้องให้
บวชเสียก่อนแล้วส่งไป จึงจะควร.
ก. ขอท่านทั้งหลายทำอย่างนั้นแล้วส่งไปเถิด ขอรับ.
ครั้งนั้น เธอทั้งหลายให้เขาบวชแล้ว สั่งสอนให้ศึกษาข้อวัตร

24