แก้ว่า พระอุทายีเห็นอันตรวาสกเนื้อละเอียดแน่นและเกลี้ยง จึง
กล่าวเพราะความอยากได้. อีกนัยหนึ่ง ความอยากได้ในอันตรวาสกของ
พระอุทายีนั้นเล็กน้อย, แต่โกฎฐาสสมบัติของพระเถรีถึงยอดสุด; เพราะ
เหตุนั้น พระอุทายีจึงคิดว่า เราจักดูความอวบอัดแห่งสรีระร่างของพระ-
เถรีนั้น แล้วยังความอยากได้ไม่สม่ำเสมอ (ความอยากได้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ)
ให้เกิดขึ้น จึงได้กล่าวอย่างนี้.
บทว่า อนฺติมํ ได้แก่ จีวรเป็นผืนสุดท้ายเขาทั้งหมดแห่งจีวร ๕ ผืน
ชื่อว่าผืนสุดท้าย คือ ผืนท้ายสุด. จีวรผืนอื่นที่วิกัป หรือปัจจุทธรณ์
เก็บไว้แม้ด้วยเลศก็ไม่มี; เพราะฉะนั้น พระเถรีกล่าวอย่างนี้ ด้วยอำนาจ
ที่ทรงจีวร ๕ ผืน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาต ไม่ใช่ด้วยความ
โลภ. จริงอยู่ ความโลภของพระขีณาสพทั้งหลาย ย่อมไม่มี.
บทว่า นิปฺปีฬิยมานา มีความว่า นางถูกพระอุทายีแสดงอุปมา
แล้วคาดคั้นหนักเข้า.
ข้อว่า อนฺตรวาสกํ ทตฺวา อคมาสิ มีความว่า พระเถรีนุ่งผ้ารัดถัน
แล้วได้แสดง (จีวร) บนฝ่ามือเท่านั้นถวาย โดยอาการที่มโนรถของพระ-
อุทายีจะไม่เต็มที่ ได้ไปแล้ว.
ถามว่า เพราะเหตุไร ภิกษุณีทั้งหลายจึงกล่าวโทษพวกภิกษุผู้ไม่
รับจีวรที่แลกเปลี่ยน.
แก้ว่า เพราะเป็นผู้ถูกความขาดแคลนมือ คือ ปัจจัยบีบคั้นอย่างนี้
ว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายไม่มีความคุ้นเคยในพวกเรา แม้เพียงเท่านี้,
พวกเราจักดำเนินชีวิตไปได้อย่างไรกัน ?
ข้อว่า อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมสํ ปญฺจนฺนํ มีความว่า เราอนุญาต