หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 788 (เล่ม 37)

ทั้งสองจับก้อนข้าวหอมเข้ามาสูดดม. ส่วนอาหารอีกพวกหนึ่ง กล่าว
พระบาลีว่า โคโทหนมตฺตํ แล้ว จึงได้กล่าวความหมายว่า เพียง
น้ำนมหยาดเดียวของแม่โคนม.
บทว่า เมตฺตจิตฺตํ ได้แก่จิตที่แผ่ตามไปเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง.
แต่จิตนั้นท่านถือเอาแล้วด้วยอำนาจอัปปนาเท่านั้น. บทว่า อจิจฺจสญฺญํ
ได้แก่ วิปัสสนาที่มีกำลังถึงที่สุดโดยความเป็นอนันตรปัจจัยแก่
มรรค. ส่วนบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้นเหล่านี้ พึงทราบโดยอุปมา
อย่างนี้. ก็แม้ถ้าว่า เขาทำชมพูทวีปให้เป็นพื้นเสมอกัน เช่นกับ
หน้ากลองปูลาดบัลลังก์ตั้งแต่ต้นแล้ว พึงให้พระอริยบุคคลนั่ง ณ ที่นั้น
มีโสดาบันบุคคล ๑๐ แถว, สกทาคามีบุคคล ๕ แถว, อนาคามี
บุคคล สองแถวครึ่ง, พระขีณาสพ หนึ่งแถวครึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้า
พึงมีหนึ่งแถว, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ทานที่
บุคคลถวายจำเพาะแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีผลมากกว่าทาน
ที่ถวายแล้วแก่ชนประมาณเท่านี้. ส่วนทานนอกนี้.
คือวิหารทาน บิณฑบาต สิกขา การเจริญ
เมตตา ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของท่านผู้พิจารณา
โดยความสิ้นไป.
ด้วยเหตุนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัสไว้ในสมัย
จะปรินิพพานว่า การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นการบูชา
สูงสุด. บทที่เหลือในบททั้งปวงมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น ด้วยประการ
ฉะนี้.
จบ อรรถกถาเวลามสูตรที่ ๑๐

788
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 789 (เล่ม 37)

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. วุฏฐสูตร ๒. สอุปาทิเสสสูตร ๓. โกฏฐิตสูตร ๔. สมัทธิ-
สูตร ๕. คัณฑสูตร ๖. สัญญาสูตร ๗. กุลสูตร ๘. สัตตสูตร
๙. เทวตาสูตร ๑๐. เวลามสูตร. และอรรถกถา.
จบ สีหนาทวรรคที่ ๒

789
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 790 (เล่ม 37)

สัตตาวาสวรรคที่ ๓
๑. ฐานสูตร
ว่าด้วยฐานะที่เทวดามนุษย์ประเสริฐกว่ากัน
[๒๒๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป ประเสริฐ
กว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์และพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป ด้วยฐานะ ๓
ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือไม่มีทุกข์ ๑ ไม่มีความหวงแหน ๑
มีอายุแน่นอน ๓ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป
ประเสริฐกว่าพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ และพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป
ด้วยฐานะ ๓ ประการนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาชั้นดาวดึงส์ ประเสริฐกว่าพวก
มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป ด้วยฐานะ
๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ อายุทิพย์ ๑ วรรณทิพย์ ๑
สุขทิพย์ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาชั้นดาวดึงส์ ประเสริฐกว่า
พวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีปด้วยฐานะ
๓ ประการนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีป ประเสริฐกว่าพวก
มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและเทวดาชั้นดาวดึงส์ ด้วยฐานะ ๓ ประการ
๓ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้กล้า ๑ เป็นผู้มีสติ ๑ เป็นผู้อยู่
ประพฤติพรหมจรรย์อันเยี่ยม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาว-

790
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 791 (เล่ม 37)

ชมพูทวีปประเสริฐกว่าพวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและพวกเทวดา
ชั้นดาวดึงส์ ด้วยฐานะ ๓ ประการนี้แล.
จบ ฐานสูตรที่ ๑
สัตตาวาสรรควรรณนาที่ ๓
อรรถกถาฐานสูตร
สัตตาวาสวรรคที่ ๓ ฐานสูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อุตฺตรกุรุกา ได้แก่ คนทั้งหลาย ชาวอุตตรกุรุทวีป
บทว่า อธิคณฺหนฺติ ได้แก่ ย่อมเป็นใหญ่ คือเป็นผู้ยิ่ง เป็นผู้ประเสริฐ
ผู้เจริญที่สุด. บทว่า อมฺมา ได้แก่ ไม่มีตัณหา. ส่วนในอรรถกถาท่าน
กล่าวว่า ไม่มีทุกข์. บทว่า อปริคฺคหา ได้แก่ เว้นความหวงแหนว่า
สิ่งนี้ของเรา. บทว่า นิยตายุกา ความว่า ก็คนทั้งหลายเหล่านั้น
มีอายุพันปีเท่ากันทั้งนั้น แม้คติก็เท่ากัน คนเหล่านั้น ตายจากนั้น
แล้ว ย่อมเกิดในสวรรค์เท่านั้น. บทว่า สติมนฺโต ความว่า ก็พวก
เทวดาย่อมมีสติไม่แน่นอน เพราะมีความสุขโดยส่วนเดียว. พวก
สัตว์นรก ก็ไม่แน่นอน เพราะมีความทุกข์โดยส่วนเดียว. ส่วนคน
เหล่านี้ชื่อว่ามีสติมั่นคงเพราะมีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนกันแล้ว. บทว่า
อิธ พฺรหฺมจริยวาโส ความว่า แม้การอยู่ประพฤติมรรคพรหมจรรย์
ประกอบด้วยองค์แปด ย่อมมีในที่นี้เท่านั้น เพราะพระพุทธเจ้าและ
พระปัจเจกพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในชมพูทวีป.
จบ อรรถกถาฐานสูตรที่ ๑

791
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 792 (เล่ม 37)

๒. ขฬุงคสูตร
ว่าด้วยม้าดีม้ากระจอก คนดีคนกระจอก
[๒๒๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงม้ากระจอก ๓
ประเภท คนกระจอก ๓ ประเภท ม้าดี ๓ ประเภท คนดี ๓ ประเภท
ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ๓ ประเภท และบุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๓
ประเภท เธอทั้งหลายจงฟัง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ม้ากระจอก ๓ ประเภทเป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้ากระจอกในโลกนี้บางตัวมีฝีเท้าดี สีไม่ดี
ใช้ขับขี่ไม่ได้ ๑ บางตัวมีฝีเท้าดี สีดี และใช้ขับขี่ไม่ได้ ๑ และบางตัว
มีฝีเท่าดี สีดี ทั้งใช้ขับขี่ได้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้ากระจอก
๓ ประเภทนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คนกระจอก ๓ ประเภทเป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนกระจอกในโลกนี้ บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ดี
ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ใช้ไม่ได้ ๑ บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์
สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้ ๑ และบางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์
สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ไม่ได้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน
กระจอก ๓ ประเภทนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คนกระจอกที่สมบูรณ์ด้วยเชาวน์
ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ใช้ไม่ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่านี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย
นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นเชาวน์

792
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 793 (เล่ม 37)

ของเธอ และเมื่อเธอถูกถาม หาในอภิธรรม ในอภิวินัยก็แก้ได้
แต่ให้สำเร็จประโยชน์ไม่ได้ ข้อนี้เรากล่าวว่าไม่เป็นคุณสมบัติ
ของเธอ และเธอไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัย-
เภสัชบริขาร นี้เรากล่าวว่าใช้ไม่ได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนกระจอก
สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ แต่ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ไม่ได้
อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คนกระจอกที่สมบูรณ์ด้วยเชาวน์
สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัย ย่อมรู้ ตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย
นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นเชาวน์
ของเธอ และเมื่อเธอถูกถามปัญหาในอภิธรรม ในอภิวินัยก็แก้ได้
และให้สำเร็จประโยชน์ได้ ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นคุณสมบัติของเธอ
แต่เธอไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร
ข้อนี้เรากล่าวว่า ใช้ไม่ได้ของเธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนกระจอก
สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้ อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คนกระจอกที่สมบูรณ์ด้วยเชาวน์
สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติและใช้ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย
นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็น
เชาวน์ของเธอ และเธอเมื่อถูกถามปัญหาในอภิธรรม ใน
อภิวินัย ก็แก้ได้ และให้สำเร็จประโยชน์ได้ ข้อนี้เรากล่าวว่า เป็น
คุณสมบัติของเธอและเธอได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลาน-

793
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 794 (เล่ม 37)

ปัจจัยเภสัชบริขาร ข้อนี้เรากล่าวว่าใช้ได้ของเธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนกระจอกสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ได้
อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ม้าดี ๓ ประเภทเป็นไฉน ดูก่อภิกษุ
ทั้งหลาย ม้าดีในโลกนี้ บางตัวมีฝีเท้าดี สีไม่ดี ใช้ขับขี่ไม่ได้ ๑
บางตัวมีฝีเท้าดี สีดี แต่ใช้ขับขี่ไม่ได้ ๑ และบางตัวฝีเท้าดี สีดี
ทั้งใช้ขับขี่ได้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าดี ๓ ประเภทนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนดี ๓ ประเภทเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย คนในโลกนี้บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ ไม่สมบูรณ์ด้วย
คุณสมบัติ ใช้ไม่ได้ ๑ บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วย
คุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้ ๑ และบางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์
ด้วยคุณสมบัติ และใช้ได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์
ด้วยคุณสมบัติและใช้ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรม
วินัยนี้ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป เป็นอุปปาติกะ จัก
ปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา ข้อนี้
เรากล่าวว่าเป็นเชาวน์ของเธอ และเมื่อเธอถูกถามปัญหาในอภิธรรม
ในอภิวินัย ก็แก้ได้ และยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ ข้อนี้เรากล่าวว่า
เป็นคุณสมบัติของเธอ และเธอได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นการใช้ได้ของเธอ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนดีที่สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วย

794
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 795 (เล่ม 37)

คุณสมบัติและใช้ได้ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนดี ๓ ประเภท
นี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ๓ ประเภท
เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ม้าอาชาไนยตัวเจริญในโลกนี้ บางตัว
มีฝีเท้าดี สีไม่ดี ใช้ขับขี่ไม่ได้ ๑ บางตัวมีฝีเท้าดี สีดี แต่ใช้ขับขี่
ไม่ได้ ๑ บางตัวฝีเท้าดี สีดี และใช้ขับขี่ได้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ๓ ประการนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๓ ประเภท
เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้
บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ แต่ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้
ไม่ได้ ๑ บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้
ไม่ได้ ๑ บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติและ
ใช้ได้ ๑.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่สมบูรณ์ด้วย
เชาวน์ แต่ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ไม่ได้ อย่างไร ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้ กระทำให้แจ้งซึ่ง
เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ ปันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลาย
สิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ข้อนี้เรากล่าวว่า
เป็นเชาวน์ของเธอ เธอถูกถามปัญหาในอภิธรรม ในอภิวินัย ก็แก้ได้
แต่ไม่ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ข้อนี้เรากล่าวว่าไม่เป็นคุณสมบัติ
ของเธอและเธอไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย-
เภสัชบริขาร ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นการใช้ไม่ได้ของเธอ ดูก่อน

795
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 796 (เล่ม 37)

ภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ แต่ไม่
สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ไม่ได้ อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ สมบูรณ์ด้วย
เชาวน์ และสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้...ข้อนี้เรากล่าวว่า เป็น
คุณสมบัติของเธอ แต่เธอไม่ได้จีวร... ข้อนี้เรากล่าวว่า เป็นการใช้
ไม่ได้ของเธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยสมบูรณ์ด้วย
เชาวน์และสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้ อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้ สมบูรณ์
ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และใช้ได้อย่างไร ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วย
ปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นเชาวน์
ของเธอ เธอเมื่อถูกถามปัญหาในอภิธรรม ในอภิวินัย ก็แก้ได้
ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ ข้อนี้เรากล่าวว่าเป็นคุณสมบัติของเธอ
และเธอได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร
ข้อนี้เรากล่าวว่า เป็นการใช้ได้ของเธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษ
อาชาไนยผู้เจริญ สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และ
ใช้ได้อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๓
ประเภทนี้แล.
จบ ขฬุงคสูตรที่ ๒

796
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ – หน้าที่ 797 (เล่ม 37)

อรรถกถาขฬุงคสูตร
ขฬุงคสูตรที่ ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ชวสมฺปนฺโน ได้แก่ถึงพร้อมด้วยเท้าเร็ว. บทว่า
นวณฺณสมฺปนฺโน ได้แก่ไม่สมบูรณ์ด้วยผิวกาย. ในบุรุษกระจอก
มีเนื้อความดังต่อไปนี้ บทว่า ชวสทฺปนฺโน ได้แก่บุรุษกระจอก
ถึงพร้อมด้วยเชาวน์ คือญาณ. บทว่า น คุณวณฺณสมฺปนฺโน ได้แก่
ไม่ถึงพร้อมด้วยวรรณ คือคุณ. บทที่เหลือพึงทราบโดยนัยแห่งบาลี
นั้นเถิด. ก็ในสูตรนี้ควรจะกล่าวถึงข้อใด ข้อนั้น ท่านอธิบายไว้แล้ว
ในอรรถกถาติกนิบาตหมดแล้ว.
จบ อรรถกถาขฬุงคสูตรที่ ๒

797