แห่งทุติยาวิภัตติ. บทว่า ปาตุรโหสิ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ
วาระจิตของพระเถระแล้วทรงดำริว่า วันนี้ โสณะนี้นั่งอยู่บนพื้นดินที่บำเพ็ญ-
เพียรในป่าสีตวัน ตรึกถึงวิตกเรื่องนี้อยู่ จำเราจักไปถือเอาวิตกที่เบียดเบียน
เธอ แล้วบอกกัมมัฏฐานที่อุปมาด้วยพิณให้ ดังนี้ และได้มาปรากฏอยู่
เฉพาะหน้าพระเถระ. บทว่า ปญฺญตฺเต อาสเน ความว่า ภิกษุผู้บำเพ็ญ
เพียร ปูลาดอาสนะตามที่หาได้ไว้เพื่อเป็นที่ประทับนั่งของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้เสด็จมา เพื่อตรัสสอนถึงที่เป็นที่อยู่ของตนก่อนแล้วจึงบำเพ็ญเพียร เมื่อหา
อาสนะอย่างอื่นไม่ได้ก็ปูลาดแม้ใบไม้เก่า ๆ แล้วปูลาดสังฆาฏิทับข้างบน.
ฝ่ายพระเถระ. ปูลาดอาสนะก่อนแล้วจึงได้บำเพ็ญเพียร. พระสังคีติกาจารย์
หมายเอาอาสนะนั้น จึงกล่าวว่า ปญฺญตฺเต อาสเน ดังนี้.
บทว่า ตํ กึ มญฺญสิ ความว่า พระศาสดาทรงดำริว่า ภิกษุนี้ไม่มี
ความต้องการด้วยกัมมัฏฐานที่เหลือ ภิกษุนี้ฉลาดเคยชำนาญมาแล้วในศิลปะ
ของนักดนตรี เธอจักกำหนดอุปมาที่เรากล่าวในวิสัยของตนได้เร็วพลัน ดังนี้
แล้ว เพื่อจะตรัสอุปมาด้วยพิณ พระองค์จึงตรัสคำว่า ตํ กึ มญฺญสิ เป็นต้น.
ความเป็นผู้ฉลาดในการดีดพิณ ชื่อว่า ความเป็นผู้ฉลาดในเสียงสายพิณ.
และพระโสณะนั้นก็เป็นผู้ฉลาดในการดีดพิณนั้น เป็นความจริง มารดาบิดา
ของพระโสณะนั้น คิดว่า ลูกชายของเราเมื่อจะศึกษาศิลปะอย่างอื่นก็จัก
ลำบากกาย แต่ว่าศิลปะดีดพิณนี้ ลูกของเรานั่งอยู่บนที่นอน ก็สมารถ
เรียนได้ จึงให้เรียนเฉพาะศิลปะของนักดนตรีเท่านั้น. ศิลปะของนักดนตรี
(คนธรรพ์) มีอาทิคือ