พึงถามจำเลยว่า เรื่องนี้ จริง หรือไม่จริง ? พระวินัยธร สอบสวนเรื่อง
อย่างนี้แล้ว โจทด้วยเรื่องที่เป็นจริง ให้จำเลยให้การแล้ว พึงระงับ
อธิกรณ์นั้นด้วยญัตติสมบัติและอนุสาวนาสมบัติ.
ถ้าว่า ในโจทก์และจำเลยนั้น โจทก์เป็นอลัชชี โจทจำเลยผู้เป็น
ลัชชี และโจทก์อลัชชีนั้นเป็นพาล ไม่ฉลาด, พระวินัยธรไม่พึงให้การ
ซักถามแก่เธอ. แต่พึงกล่าวอย่างนี้ ท่านโจทภิกษุนั้นเพราะเรื่องอะไร ?
แน่นอนโจทก์นั้นจักกล่าวว่า ท่านเจริญ ! ที่ชื่อว่ากิมหินัง นี้ คืออะไร ?
พึงส่งเธอไปเสียด้วยคำว่า ท่านไม่ระจักแม้คำว่า กิมหินัง (ท่านโจทภิกษุ
นั้นในเพราะเรื่องอะไร). ท่านเป็นคนโง่เห็นปานนี้ ไม่ควรโจทผู้อื่น.
พระวินัยธรไม่พึงให้การซักถามแก่เธอ. แต่ถ้าโจทก์อลัชชีนั้น เป็นบัณฑิต
เฉลียวฉลาด สามารถจะกลบเกลื่อนให้สำเร็จได้ ด้วยเรื่องที่ได้เห็น หรือ
ด้วยเรื่องที่ได้ยิน, พึงให้การซักถามแก่โจทก์นั้น แล้วกระทำกรรมตาม
ปฏิญญาของจำเลยผู้เป็นลัชชีนั่นแล. ถ้าลัชชีโจทอลัชชี, และลัชชีนั้นเป็น
คนโง่ ไม่เฉลียวฉลาด ไม่อาจจะให้คำตอบข้อซักถามได้, พระวินัยธร
พึงให้นัยแก่เธอว่า ท่านโจทภิกษุนั้นเพราะเรื่องอะไร ? เพราะเรื่องแห่ง
ศีลวิบัติ หรือเพราะเรื่องแห่งวิบัติอย่างหนึ่ง ในบรรดาอาจารวิบัติเป็นต้น
ถามว่า ก็เพราะเหตุไร จึงควรให้นัยอย่างนี้แก่ลัชชีนี้เท่านั้น ไม่
ควรให้แก่อลัชชีนอกนี้เล่า ? การลำเอียงเพราะอคติ ไม่สมควรแก่พวก
พระวินัยธรมิใช่หรือ ?
แก้ว่า การลำเอียงเพราะอคติ ไม่สมควรเลย. แต่การให้นัยนี้ ไม่
จัดเป็นการลำเอียงเพราะอคติ. การนี้ชื่อว่าเป็นการอนุเคราะห์ธรรม. จริง