No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 480 (เล่ม 33)

อรรถกถาสูตรที่ ๒
สูตรที่ ๒ (ข้อ ๓๘๗) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ปัจจัย ๔ ชื่อว่า ยาคะ โดยเป็นเครื่องบูชา แม้ธรรมะ ก็พึง
ทราบว่า ชื่อว่า ยาคะ โดยเป็นเครื่องบูชา.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๒
อรรถกถาสูตรที่ ๓
สูตรที่ ๓ (ข้อ ๓๘๘) มีวินิจฉัยยดังต่อไปนี้.
การสละอามิส ชื่อว่า อามิสจาคะ การสละธรรม ชื่อว่า
ธรรมจาคะ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
อรรถกถาสูตรที่ ๔
สูตรที่ ๔ (ข้อ ๓๘๙) แปลกกันเพียงอุปสรรค.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๔
อรรถกถาสูตรที่ ๕
สูตรที่ ๕ (ข้อ ๓๙๐) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การบริโภคปัจจัย ๔ ชื่อว่า อามิสโภคะ การบริโภคธรรม ชื่อว่า
ธรรมโภคะ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๕
อรรถกถาสูตรที่ ๖
สูตรที่ ๖ (ข้อ ๓๙๑) แปลกกันเพียงอุปสรรค.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๖

480
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 481 (เล่ม 33)

อรรถกถาสูตรที่ ๗
สูตรที่ ๗ (ข้อ ๓๙๒) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การแจกจ่ายปัจจัย ๔ ชื่อว่า อามิสสังวิภาค การแจกจ่ายธรรม
ชื่อว่า ธรรมสังวิภาค.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๗
อรรถกถาสูตรที่ ๘
สูตรที่ ๘ (ข้อ ๓๙๓) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ชื่อว่า อามิสสงเคราะห์ การ
สงเคราะห์ด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมสงเคราะห์.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๘
อรรถกถาสูตรที่ ๙
สูตรที่ ๙ (ข้อ ๓๙๔) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การอนุเคราะห์ด้วยปัจจัย ชื่อว่า อามิสอนุเคราะห์ การ
อนุเคราะห์ด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมอนุเคราะห์.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๙
อรรถกถาสูตรที่ ๑๐
สูตรที่ ๑๐ (ข้อ ๓๙๕) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การแสดงความเอ็นดูด้วยปัจจัย ๔ ชื่อว่า อามิสอนุกัมปะ เกื้อกูล

481
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 482 (เล่ม 33)

ด้วยอามิส การแสดงความเอ็นดูด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมอนุกัมปะ
เกื้อกูลด้วยธรรม.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐
จบทานวรรคที่ ๓

482
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 483 (เล่ม 33)

สันถาวรรคที่ ๔
สูตรที่ ๑
[๓๙๖] ๑๕๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สันถาร ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ อามิสสันถาร ๑ ธรรมสันถาร ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สันถาร ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสันถาร ๒ อย่างนี้
ธรรมสันถารเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๑
สูตรที่ ๒
[๓๙๗] ๑๕๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิสันถาร ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ อามิสปฏิสันถาร ๑ ธรรมปฏิสันถาร ๑ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ปฏิสันถาร ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดา
ปฏิสันถาร ๒ อย่างนี้ ธรรมปฏิสันถารเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๒
สูตรที่ ๓
[๓๙๘] ๑๕๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอสนา ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ อามิสเอสนา การเสาะหาอามิส ๑ ธรรมเอสนา การเสาะหา
ธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอสนา ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บรรดาเอสนา ๒ อย่างนี้ ธรรมเอสนาเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๓

483
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 484 (เล่ม 33)

สูตรที่ ๔
[๓๙๙] ๑๕๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยสนา ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ อามิสปริเยสนา การแสวงหาอามิส ๑ ธรรมปริเยสนา
การแสวงหาธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยสนา ๒ อย่างนี้แล ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย บรรดาปริเยสนา ๒ อย่างนี้ ธรรมปริเยสนาเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๔
สูตรที่ ๕
[๔๐๐] ๑๕๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยฏฐิ ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ อามิสปริเยฏฐิ การแสวงหาอามิสอย่างสูง ๑
ธรรมปริเยฏฐิ การแสวงหาธรรมอย่างสูง ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยฏฐิ
๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาปริเยฏฐิ ๒ อย่างนี้ ธรรม-
ปริเยฏฐิเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๕
สูตรที่ ๖
[๔๐๑] ๑๕๕. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การบูชา ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ อามิสบูชา ๑ ธรรมบูชา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
การบูชา ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาการบูชา ๒ อย่างนี้
ธรรมบูชาเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๖

484
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 485 (เล่ม 33)

สูตรที่ ๗
[๔๐๒] ๑๕๖. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ของต้อนรับแขก ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ ของต้อนรับคืออามิส ๑ ของต้อนรับคือธรรม ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ของต้อนรับแขก ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บรรดาของต้อนรับแขก ๒ อย่างนี้ ของต้อนรับแขกคือธรรมเป็นเลิศ
จบสูตรที่ ๗
สูตรที่ ๘
[๔๐๓] ๑๕๗. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสำเร็จ ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความสำเร็จคืออามิส ๑ ความสำเร็จคือ
ธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสำเร็จ ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บรรดาความสำเร็จ ๒ อย่างนี้ ความสำเร็จคือธรรมเป็นเลิศ
จบสูตรที่ ๘
สูตรที่ ๙
[๔๐๔] ๑๕๘. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญ ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเจริญด้วยอามิส ๑ ความเจริญด้วยธรรม ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญ ๒ อย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บรรดาความเจริญ ๒ อย่างนี้ ความเจริญด้วยธรรมเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๙

485
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 486 (เล่ม 33)

สูตรที่ ๑๐
[๔๐๕] ๑๕๙. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รัตนะ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ รัตนะคืออามิส ๑ รัตนะคือธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
รัตนะ ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดารัตนะ ๒ อย่างนี้ รัตนะ
คือธรรมเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๑๐
สูตรที่ ๑๑
[๔๐๖] ๑๖๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสะสม ๒ อย่างนี้
๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความสะสมอามิส ๑ ความสะสมธรรม ๑ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความสะสม ๒ อย่างนี้ ความสะสมธรรมเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๑๑
สูตรที่ ๑๒
[๔๐๗] ๑๖๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความไพบูลย์ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ ความไพบูลย์แห่งอามิส ๑ ความไพบูลย์แห่งธรรม ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความไพบูลย์ ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บรรดาความไพบูลย์ ๒ อย่าง ความไพบูลย์แห่งธรรมเป็นเลิศ.
จบสูตรที่ ๑๒
จบสันถารวรรคที่ ๔

486
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 487 (เล่ม 33)

สันถารวรรคที่ ๔๑
อรรถกถาสูตรที่ ๑
วรรคที่ ๔ สูตรที่ ๑ (ข้อ ๓๙๖) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
การปูลาดด้วยปัจจัย โดยปกปิดช่องว่างคนและคนอื่น ชื่อว่า
อามิสสันถาร. การปูลาดด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมสันถาร.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑
อรรถกถาสูตรที่ ๒
ในสูตรที่ ๒ (ข้อ ๓๙๗) แปลกกันเพียงอุปสรรค
จบอรรถกถาสูตรที่ ๒
อรรถกถาสูตรที่ ๓
ในสูตรที่ ๓ (ข้อ ๓๙๘) การหาอามิสมีประการดังกล่าวแล้ว
ชื่อว่า อามิสเอสนา. การหาธรรม ชื่อว่า ธรรมเอสนา.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
อรรถกถาสูตรที่ ๔
ในสูตรที่ ๔ (ข้อ ๓๙๙) แปลกกันเพียงอุปสรรค.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๔
อรรถกถาสูตรที่ ๕
ในสูตรที่ ๕ (ข้อ ๔๐๐) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
๑. อรรถกถาแก้ไว้สั้น ๆ จึงเรียงติดต่อกันไปทั้งวรรค โดยลงเลขข้อสูตรกำกับไว้ด้วย.

487
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 488 (เล่ม 33)

การแสวงหาอามิสถึงที่สุด ท่านเรียกว่า อามิสปริเยฏฐิ การ
แสวงหาธรรมถึงที่สุด ท่านเรียกว่า ธรรมปริเยฏฐิ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๕
อรรถกถาสูตรที่ ๖
ในสูตรที่ ๖ (ข้อ ๔๐๑) การบูชาอามิส ชื่อว่า อามิสบูชา
การบูชาด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมบูชา.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๖
อรรถกถาสูตรที่ ๗
ในสูตรที่ ๗ (ข้อ ๔๐๒) บทว่า อติเถยฺยานิ ได้แก่ ทาน
เพื่อผู้จรมา (ของรับแขก) ปาฐะว่า อภิเถยฺยานิ ดังนี้ก็มี.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๗
อรรถกถาสูตรที่ ๘
ในสูตรที่ ๘ (ข้อ ๔๐๓ ) อามิสอิทธิ ชื่อว่า อามิสอิทธิ
ให้สำเร็จเสร็จสรรพ แม้ธรรมก็ชื่อว่า ธรรมอิทธิ เพราะให้สำเร็จ
เสร็จสรรพ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๘
อรรถกถาสูตรที่ ๙
ในสูตรที่ ๙ (ข้อ ๔๐๔) ความเจริญด้วยอามิส ชื่อว่า อามิสวุฒิ

488
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ 489 (เล่ม 33)

ความเจริญด้วยธรรม ชื่อว่า ธรรมวุฒิ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๙
อรรถกถาสูตรที่ ๑๐
ในสูตรที่ ๑๐ (ข้อ ๔๐๕) อามิสที่ทำให้เกิดความยินดี ชื่อว่า
อามิสรัตนะ ธรรม ชื่อว่า ธรรมรัตนะ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐
อรรถกถาสูตรที่ ๑๑
ในสูตรที่ ๑๑ (ข้อ ๔๐๖) การสะสมเพิ่มพูนอามิส ชื่อว่า
อามิสสันนิจยะ การสะสมเพิ่มพูนธรรม ชื่อว่า ธรรมสันนิจยะ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๑
อรรถกถาสูตรที่ ๑๒
ในสูตรที่ ๑๒ (ข้อ ๔๐๗) ความไพบูลย์แห่งอามิส ชื่อว่า
อามิสเวปุลละ ความไพบูลย์แห่งธรรม ชื่อว่า ธรรมเวปุลละ แล.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๒
จบสันถารวรรคที่ ๔

489