เลื่อมใสในคุณคือความมักน้อยของท่าน จึงตรัสว่า ดูก่อนพ่อ โยมเลื่อมใส
ขอถวายภัตตาหารประจำ ๘ ที่แก่ท่าน. สามเณรทูลว่า มหาบพิตร
ภัตตาหารประจำเหล่านั้น อาตมาถวายอุปัชฌาย์.
พระราชาตรัสว่า โยมถวายอีก ๘ ที่. สามเณรทูลว่า ภัตตาหาร
๘ ที่นั้น อาตมาขอถวายอาจารย์ของอาตมา.
พระราชาตรัสว่า โยมถวายอีก ๘ ที่. สามเณรทูลว่า อาตมาถวาย
ภัตตาหาร ๘ ที่นั้น แก่ท่านผู้เสมอด้วยอุปัชฌาย์.
พระราชาตรัสว่า โยมถวายอีก ๘ ที่ สามเณรทูลว่า อาตมาถวาย
ภัตตาหาร ๘ ที่นั้น แก่ภิกษุสงฆ์.
พระราชาตรัสว่า โยมถวายภัตตาหารแม้อีก ๘ ที่. สามเณรนั้น
จึงรับเอา. ลาภอันเกิดขึ้นแก่สามเณรนั้น ย่อมเป็นลาภมั่นคงด้วยประการ
อย่างนี้.
แม้ในบทว่า อปฺปสนฺนา ปสีทนฺติ นี้ ก็มีตัวอย่างดังต่อไปนี้:-
ทีฆพราหมณ์ นิมนต์พราหมณ์ทั้งหลายมาฉัน ได้ถวายภัตตาหาร
ทีละ ๕ ขันก็ไม่อาจให้อิ่มหนำ. อยู่มาวันหนึ่งได้ฟังถ้อยคำว่า ว่ากันว่า
พวกพระสมณะเป็นผู้มักน้อย เพื่อจะทดลอง จึงให้คนถือภัตตาหารไปยัง
วิหารในเวลาที่พระภิกษุสงฆ์ทำภัตกิจ เห็นภิกษุประมาณ ๓๐ รูป ฉันอยู่
บนหอฉัน จึงถือเอาภัตตาหารขันหนึ่งไปยังที่ใกล้พระสังฆเถระ. พระ-
เถระได้ใช้นิ้วมือหยิบเอาหน่อยหนึ่ง. โดยทำนองนี้นั่นแล ภัตตาหารขัน
เดียวได้ทั่วถึงแก่ภิกษุหมดทุกรูป. แต่นั้น พราหมณ์เลื่อมใสในความมัก
น้อยว่า ได้ยินว่า พระสมณะเหล่านี้มีคุณทุกอย่างทีเดียว จึงสละทรัพย์
