ก็ในชาดกนี้ อาจารย์เมื่อจะทำกาละ ถูกอันเตวาสิกทั้งหลาย
ถาม จึงกล่าวว่า เนวสัญญีนาสัญญี (ผู้มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็
ไม่ใช่). คำที่เหลือ พึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล. ทรงกระทำ
ปุถุชนปัญจกปัญหาอื่นอีก ให้เป็นอัตถุปัตติแล้ว ตรัสจันทาภชาดก
นี้ว่า.
ในชาดกนี้ อาจารย์เมื่อจะทำกาละ ถูกอันเตวาสิกถาม จึงกล่าว
ว่า จนฺทาภํ สุริยาภํ หมายเอาว่า ผู้ใดหยั่งลง เข้าไป แล่นไปสู่กสิณ
ทั้ง ๒ นั้นคือ โอทาตกสิน ชื่อว่า จันทาภะ ปิตกสิณ ชื่อว่าสุริยาภะ
แม้ผู้นั้นก็เข้าถึง อาภัสสรพรหมด้วยททุติยฌาน อันไม่มีวิตก เราก็
เป็นเช่นนั้น. คำที่เหลือพึงทราบโดยนัยก่อนนั่นแล. ทรงกระทำ
ปุถุชชนปัญจกปัญหานี้แล ให้เป็นอัตถุปัตติ จึงตรัสสรภชาดกใน
เตรสนิบาตนี้ว่า
เป็นบุรุษพึงหวังอยู่ร่ำไป เป็นบัณฑิตไม่พึง
เหนื่อยหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ปรารถนาอย่างใด
ก็ได้เป็นอย่างนั้น เป็นบุรุษพึงพยายามร่ำไป
เป็นบัณฑิตไม่พึงเหนื่อยหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า
ได้รับความช่วยเหลือให้ขึ้นจากน้ำสู่บกได้ นรชน
ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ไม่ควรตัดความหวัง
ในอันจะมาสู่ความสุข ด้วยว่าผัสสะทั้งที่ไม่
เกื้อกูลและเกื้อกูลมีมาก คนที่ไม่ใฝ่ฝันถึง ก็ต้อง
เข้าทางแต่งความตาย.