No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 430 (เล่ม 31)

๔. อายตนสูตร
ว่าด้วยอริยสัจ ๔
[๑๖๘๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสัจ ๔ เหล่านี้ อริยสัจ ๔
เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ ทุกข-
นิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
[๑๖๘๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจเป็นไฉน ควรจะกล่าวว่า
อายตนะภายใน ๖. อายตนะภายใน ๖ เป็นไฉน คือ อายตนะคือตา ฯลฯ
อายตนะคือใจ นี้เรียกว่า ทุกขอริยสัจ.
[๑๖๘๖] ก็ทุกขสมุทยอริยสัจเป็นไฉน ตัณหาอันทำให้มีภพใหม่
ประกอบด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ เพลิดเพลินยิ่งนักในอารมณ์
นั้น ๆ ได้แก่กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา นี้เรียกว่า ทุกขสมุทยอริยสัจ.
[๑๖๘๗] ก็ทุกขนิโรธอริยสัจเป็นไฉน ความดับด้วยการสำรอกโดย
ไม่เหลือแห่งตัณหานั้นแหละ ความสละ. ความวาง ความปล่อย ความไม่
อาลัยตัณหานั้น นี้เรียกว่า ทุกขนิโรธอริยสัจ.
[๑๖๘๘] ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นไฉน อริยมรรคอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้เรียกว่า
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
[๑๖๘๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสัจ ๔ เหล่านี้แล เพราะเหตุ
นั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์
ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบอายตนสูตรที่ ๔

430
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 431 (เล่ม 31)

๕. ปฐมธารณสูตร
ว่าด้วยการทรงจำอริยสัจ ๔
[๑๖๙๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เรา
แสดงแล้วไว้เถิด.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทรงจำซึ่งอริยสัจที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
แสดงแล้ว.
พ. ดูก่อนภิกษุ เธอทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เราแสดงแล้วอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทรงจำทุกขอริยสัจเป็นข้อที่ ๑
ทุกขสมุทยอริยสัจเป็นข้อที่ ๒ ทุกขนิโรธอริยสัจเป็นข้อที่ ๓ ทุกขนิโรธ-
คามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นข้อที่ ๔ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทรงจำอริยสัจ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
แล้ว อย่างนี้แล.
[๑๖๙๑] พ. ดูก่อนภิกษุ ดีละ ๆ เธอทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เราแสดง
แล้วได้ถูกต้อง เราแสดงทุกขอริยสัจเป็นข้อที่ ๑ เธอทรงจำได้ เราแสดง
ทุกขสมุทยอริยสัจเป็นข้อที่ ๒ เธอก็ทรงจำได้ เราแสดงทุกขนิโรธอริยสัจเป็น
ข้อที่ ๓ เธอก็ทรงจำได้ เราแสดงทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นข้อที่ ๔
เธอก็ทรงจำได้ เธอจงทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุ
เพราะฉะนั้นแหละ เธอพึงการทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบปฐมธารณสูตรที่ ๕

431
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 432 (เล่ม 31)

๖. ทุติยธารณสูตร
ว่าด้วยการทรงจำอริยสัจ ๔ อย่างถูกต้อง
[๑๖๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เรา
แสดงไว้แล้วเถิด เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้
กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทรงจำได้ ซึ่งอริยสัจ ๔ ที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว.
พ. ดูก่อนภิกษุ เธอทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เราแสดงแล้วได้อย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทรงจำทุกขอริยสัจเป็นข้อที่ ๑
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ก็สมณะหรือพราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึง
กล่าวอย่างนี้ว่า นี้ไม่ใช่ทุกขอริยสัจข้อที่ ๑ ที่พระสมณโคดมทรงแสดงไว้
เราจักบอกเลิกทุกขอริยสัจข้อที่ ๑ นั้นเสีย แล้วบัญญัติทุกขอริยสัจข้อที่ ๑
อย่างอื่นใหม่ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ฯลฯ ข้าพระองค์ทรงจำทุกขนิโรธ-
คามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นข้อที่ ๔ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ก็สมณะ
หรือพราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า นี้มิใช่ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจข้อที่ ๔ ที่พระสมณโคดมทรงแสดงไว้ เราจักบอกเลิกทุกขนิโรธคามินี
ปฏิปทาอริยสัจข้อที่ ๔ นั้นเสีย แล้วบัญญัติทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจที่ ๔
อย่างอื่นใหม่ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
ทรงจำอริยสัจ ๔ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วอย่างนี้แล.
[๑๖๙๓] พ. ดูก่อนภิกษุ ดีละ ๆ เธอทรงจำอริยสัจ ๔ ที่เราแสดง
แล้วได้ถูกต้อง เราแสดงทุกขอริยสัจเป็นข้อที่ ๑ เธอก็ทรงจำได้ ก็สมณะ
หรือพราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า นี้มิใช่ทุกขอริยสัจข้อที่ ๑ ที่

432
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 433 (เล่ม 31)

พระสมณโคดมทรงแสดงไว้ เราจักบอกเลิกทุกขอริยสัจข้อที่ ๑ นั้นเสีย แล้ว
บัญญัติทุกขอริยสัจข้อที่ ๑ อย่างอื่นใหม่ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ฯลฯ เรา
แสดงทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นข้อที่ ๔ เธอก็ทรงจำได้ ก็สมณะ
หรือพราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า นี้มิใช่ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจข้อที่ ๔ ที่พระสมณโคดมทรงแสดงไว้ เราจักบอกเลิกทุกขนิโรธ-
คามินีปฏิปทาอริยสัจข้อที่ ๔ นั้นเสีย แล้วบัญญัติทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจข้อที่ ๔ อย่างอื่นใหม่ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เธอจงทรงจำอริยสัจ ๔
ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุ เพราะฉะนั้นแหละ เธอพึงกระทำ
ความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบทุติยธารณสูตรที่ ๖
๗. อวิชชาสูตร
ว่าด้วยอวิชชา
[๑๖๙๔] ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อวิชชา ๆ ดังนี้ อวิชชา
เป็นไฉน และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงจะชื่อว่าตกอยู่ในอวิชชา พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ความไม่รู้ในทุกข์ ในเหตุให้เกิดทุกข์ ใน
ความดับทุกข์ ในทางที่จะให้ถึงความดับทุกข์ นี้เรียกว่าอวิชชา และด้วยเหตุ
เพียงเท่านี้ บุคคลย่อมชื่อว่า ตกอยู่ในอวิชชา ดูก่อนภิกษุ เพราะฉะนั้นแหละ
เธอพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธ
คามินีปฏิปทา.
จบอวิชชาสูตรที่ ๗

433
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 434 (เล่ม 31)

๘. วิชชาสูตร
ว่าด้วยวิชชา
[๑๖๙๕] ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า วิชชา ๆ ดังนี้ วิชชา
เป็นไฉน และด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงจะชื่อว่าถึงวิชชา พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ความรู้ในทุกข์ ในเหตุให้เกิดทุกข์ ในความ
ดับทุกข์ ในทางที่ให้ถึงความดับทุกข์ นี้เรียกว่า วิชชา และด้วยเหตุเพียง
เท่านี้ บุคคลย่อมชื่อว่าถึงวิชชา ดูก่อนภิกษุ เพราะฉะนั้นแหละ เธอพึง
กระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินี
ปฏิปทา.
จบวิชชาสูตรที่ ๘
๙. สังกาสนสูตร
ว่าด้วยบัญญัติแห่งอริยสัจ ๔
[๑๖๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราบัญญัติว่า นี้เป็นทุกขอริยสัจ
อักขระ พยัญชนะ การจำแนกในทุกขอริยสัจนั้น หาประมาณมิได้ว่า แม้
เพราะเหตุนี้ ๆ นี้เป็นทุกขอริยสัจ ฯลฯ เราบัญญัติว่า นี้เป็นทุกขนิโรธ
คามินีปฏิปทาอริยสัจ อักขระ พยัญชนะ การจำแนกทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจนั้น หาประมาณมิได้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ นี้เป็นทุกขนิโรธคามินี-

434
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 435 (เล่ม 31)

ปฏิปทาอริยสัจ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง
กระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินี
ปฏิปทา.
จบสังกาสนสูตรที่ ๙
อรรถกถาสังกาสนสูตร
พึงทราบอธิบายในสังกาสนสูตรที่ ๙.
คำว่า อปริมาณา วณฺณา ได้แก่ อักขระ ไม่มีประมาณ. คำว่า
พยัญชนะ ดังนี้ เป็นไวพจน์ของคำว่า อักขระหาปริมาณมิได้เหล่านั้น.
อีกอย่างหนึ่ง เอกเทศหนึ่ง. เเห่งอักขระ ก็คือชื่อว่า พยัญชนะ คำว่า
การจำแนก คือ การแยก. จริงอยู่ เมื่อสัจจะหนึ่ง ๆ ท่านแสดงให้
พิสดารอยู่ โดยอาการทั้งปวง อักขระเป็นต้น ก็ชื่อว่า ไม่มีที่สุด เพราะ
ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสแล้วอย่างนี้.
จบอรรถกถาสังกาสนสูตรที่ ๙

435
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 436 (เล่ม 31)

๑๐. ตถสูตร
ว่าด้วยของจริงแท้ ๔ อย่าง
[๑๖๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๔ อย่างนี้ เป็นของจริงแท้ ไม่
แปรผัน ไม่เป็นอย่างอื่น สิ่ง ๔ อย่างเป็นไฉน สิ่งนี้ว่า นี้ทุกข์ นี้เหตุให้
เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให้ถึงความดับทุกข์ เป็นของจริงแท้ ไม่
แปรผัน ไม่เป็นอย่างอื่น สิ่ง ๔ อย่างนี้ เป็นของจริงแท้ ไม่แปรผัน ไม่
เป็นอย่างอื่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำ
ความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบตถสูตรที่ ๑๐
จบธรรมจักกัปปวัตตนวรรคที่ ๒

436
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 437 (เล่ม 31)

อรรถกถาสูตร
พึงทราบอธิบายในตถสูตรที่ ๑๐
ก็ทุกข์ ชื่อว่า เป็นของจริงแท้ เพราะอรรถว่าไม่มีอยู่โดยภาวะของตน
ท่านเรียกว่า ทุกข์นั่นแล ชื่อว่า ไม่แปรผัน เพราะสภาวะไม่ว่างเปล่า.
เพราะว่าทุกข์ ชื่อว่า มิใช่ทุกข์หามิได้. ชื่อว่า ไม่เป็นอย่างอื่น เพราะไม่เข้า
ถึงสภาวะอื่น. ก็ทุกข์เข้าถึงการกล่าวในทุกขสมุทัยเป็นต้นหามิได้. แม้ในสมุทัย
เป็นต้น ก็นัยนี้แล
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐
จบอรรถกถาธรรมจักกัปปวัตตนวรรคที่ ๒
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ปฐมตถาคตสูตร ๒. ทุติยตถาคตสูตร ๓. ขันธสูตร ๔. อายตน-
สูตร ๕. ปฐมธารณสูตร ๖. ทุติยธารณสูตร ๗. อวิชชาสูตร ๘. วิชชา
สูตร ๙. สังกาสนสูตร ๑๐. ตถสูตรและอรรถกถา.

437
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 438 (เล่ม 31)

โกฏิคามวรรคที่ ๓
๑. ปฐมวัชชีสูตร
ว่าด้วยการตรัสรู้และไม่ตรัสรู้อริยสัจ ๔
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ โกฏิคาม ใน
แคว้นวัชชี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัส
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ เรา
ด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฎนี้ตลอดกาลนาน
อย่างนี้ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกข-
อริยสัจ ๑ ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
อริยสัจ ๑ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้
ตลอดกาลนานอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจ เราด้วย เธอทั้ง
หลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว ทุกขสมุทยอริยสัจ. . . ทุกขนิโรธ-
อริยสัจ... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้
แล้ว แทงตลอดแล้ว ตัณหาในภพขาดสูญแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว
บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณ
ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๖๙๙ ] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง
เราและเธอทั้งหลายได้ท่องเที่ยวไปในชาติ
นั้น ๆ ตลอดกาลนาน อริยสัจ ๔ เหล่านี้
เราและเธอทั้งหลายเห็นแล้ว ตัณหาที่จะ

438
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 439 (เล่ม 31)

นำไปสู่ภพถอนขึ้นได้แล้ว มูลแห่งทุกข์
ตัดขาดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
จบปฐมวัชชีสูตรที่ ๑
อรรถกถาโกฏิคามรรคที่ ๓
อรรถกถาวัชชีสูตร
พึงทราบอธิบายในวัชชีสูตรที่ ๑ แห่ง โกฏิคามวรรคที่ ๓.
คำว่า เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ได้เเก่ เพราะไม่รู้ตาม. คำว่า ไม่ได้
แทงตลอด คือ เพราะไม่มีการแทงตลอด.
จบอรรถกถาวัชชีสูตรที่ ๑
๒. ทุติยวัชชีสูตร
ว่าด้วยการรู้ชัดและไม่รู้ชัดอริยสัจ ๔
[๑๗๐๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเล่า
หนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์.... นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นไม่นับว่าเป็นสมณะในพวกสมณะ หรือว่าเป็น
พราหมณ์ในพวกพราหมณ์ และท่านเหล่านั้นยังไม่กระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์
แห่งความเป็นสมณะหรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันยิ่ง
เอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.

439