No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 410 (เล่ม 31)

ความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด รู้ซึ่งอริยสัจ ๔ เหล่านั้น
ตามความเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง
กระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินี
ปฏิปทา.
จบปฐมสมณพราหมณสูตรที่ ๕
อรรถกถาปฐมสมณพราหมณสูตร
พึงทราบอธิบายในปฐมสมณพราหมณสูตรที่ ๕.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสัจจะ ๔ เหล่านั้น ตามอธัยาศัยของผู้จะ
ตรัสรู้ ด้วยพระสูตร ด้วยการตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้น.
จบอรรถกถาปฐมสมณพราหมณสูตรที่ ๕
๖. ทุติยสมณพราหมณสูตร
สมณพราหมณ์ประกาศอริยสัจ ๔ ที่ตนรู้
[๑๖๕๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่า
หนึ่งในอดีตกาล ประกาศแล้วซึ่งสิ่งที่ตนรู้แล้วตามความเป็นจริง สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ประกาศแล้วซึ่งอริยสัจ ๔ ว่าเป็นสิ่งที่ตนรู้แล้วตาม
ความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งในอนาคตกาล จักประกาศ

410
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 411 (เล่ม 31)

สิ่งที่ตนรู้แล้วตามความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด จัก
ประกาศอริยสัจ ๔ ว่าเป็นสิ่งที่ตนรู้แล้วตามความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเหล่าหนึ่งในปัจจุบันกาล ประกาศอยู่ซึ่งสิ่งที่ตนรู้แล้วตามความ
เป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ประกาศอยู่ซึ่งอริยสัจ ๔ ว่า
เป็นสิ่งที่ตนรู้แล้วตามความเป็นจริง อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งใน
อดีตกาล... ในอนาคตกาล ... ในปัจจุบันกาล ประกาศสิ่งที่ตนรู้แล้วตาม
ความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ประกาศอริยสัจ ๔
เหล่านี้ ว่าเป็นสิ่งที่ตนรู้แล้วตามความเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะ
ฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบทุติยสมณพราหมณสูตรที่ ๖
อรรถกถาทุติยสมณพราหมณสูตร
พึงทราบอธิบายในทุติยสมณพราหมสูตรที่ ๖.
คำว่า ประกาศแล้วซึ่งสิ่งที่ตนรู้แล้ว ความว่า ประกาศสิ่งที่ตนรู้
เฉพาะแล้วอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว. ก็ในพระสูตรนี้ พระผู้มี
พระภาคเจ้า ทรงถือเอาพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยสมณศัพท์.
จบอรรถกถาทุติยสมณพราหมณ์สูตรที่ ๖

411
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 412 (เล่ม 31)

๗. วิตักกสูตร*
ว่าด้วยการตรึกในอริยสัจ ๔
[๑๖๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าตรึกถึงอกุศลวิตก
อันลามก คือ กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ข้อนั้น เพราะเหตุไร
เพราะวิตกเหล่านี้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อม
ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง
ความตรัสรู้ นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะตรึก พึงตรึกว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะความตรึกเหล่านั้น
ประกอบด้วยประโยชน์เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย
ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร
เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบวิตักกสูตรที่ ๗
* สูตรที่ ๗-๘-๙ ไม่มีอรรถกถา.

412
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 413 (เล่ม 31)

๘. จินตสูตร
ว่าด้วยการคิดในอริยสัจ ๔
[๑๖๖๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าคิดถึงอกุศลจิตอัน
สามกว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ชีพอันนั้น สรีระก็
อันนั้น ชีพอย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเป็นอีก
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เป็นอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเป็น
อีกก็มี ย่อมไม่เป็นอีกก็มี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเป็นอีกก็หามิได้
ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะความคิดนี้ไม่ประกอบ
ด้วยประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย...
นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะคิด พึงคิดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกข-
นิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะความคิดนี้ประกอบ
ด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย...
นิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความ
เพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบจินตสูตรที่ ๘

413
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 414 (เล่ม 31)

๙. วิคคาหิกกถาสูตร
ว่าด้วยการพูดที่ไม่เป็นประโยชน์
[๑๖๖๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าพูดถ้อยคำแก่งแย่ง
กันว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรม
วินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด เราปฏิบัติถูก สิ่งที่ควรพูดก่อน ท่านพูด
เสียทีหลัง สิ่งที่ควรพูดทีหลัง ท่านพูดเสียก่อน เป็นประโยชน์แก่เรา ไม่
เป็นประโยชน์แก่ท่าน ความเป็นไปอย่างอื่นที่คลาดเคลื่อน ท่านประพฤติแล้ว
ท่านยกวาทะขึ้นแล้วเพื่อเปลื้องวาทะของผู้อื่น ท่านถูกข่มขี่แล้ว ท่านจงชำแรก
ออก ถ้าท่านอาจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะถ้อยคำนี้ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย...
นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะพูด พึงพูดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินี
ปฏิปทา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะถ้อยคำนี้ประกอบด้วยประโยชน์ เป็น
พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความ
เป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบวิคคหิกกถาสูตรที่ ๙

414
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 415 (เล่ม 31)

๑๐. ติรัจฉานกถาสูตร
ว่าด้วยการพูดติรัจฉานกถา
[๑๖๖๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าพูดติรัจฉานกถา
ซึ่งมีหลายอย่าง คือ พูดเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอมาตย์ เรื่องกอง
ทัพ เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอก
ไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร
เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความ
เจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้น ๆ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะถ้อยคำที่ไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความ
หน่าย... นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะพูด พึงพูดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกข-
นิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะถ้อยคำนี้ประกอบด้วยประโยชน์
เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย... นิพพาน ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตาม
ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบติรัจฉานกถาสูตรที่ ๑๐
จบสมาธิวรรคที่ ๑

415
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 416 (เล่ม 31)

อรรถกถาติรัจฉานกถาสูตร
พึงทราบอธิบายในติรัจฉานกถาสูตรที่ ๑๐.
บทว่า อเนกวิหิตํ ได้แก่ มีหลายอย่าง. คำว่า ติรัจฉานกถา
คือ ถ้อยคำที่เป็นเดรัจฉาน นอกทางสวรรค์และนิพพาน เพราะไม่เป็นการนำ
ออกจากทุกข์.ในคำว่า เรื่องพระราชา ดังนี้เป็นต้น ถ้อยคำที่ปรารภพระราชา
แล้ว เป็นไปโดยนัยเป็นต้นว่า พระเจ้ามหาสมมต พระเจ้ามันธาตา พระเจ้า
ธรรมาโศก มีอานุภาพมากอย่างนี้ ชื่อว่า เรื่องพระราชา. แม้ในเรื่องโจร
เป็นต้นก็นัยนี้. ก็เรื่องความรักอาศัยเรือนโดยนัยเป็นต้นว่า บรรดาพระราชา
เหล่านั้น พระราชาพระองค์นั้น มีรูปงาม น่าดู ชื่อว่า ติรัจฉานกถา. ก็ถ้อย
คำที่เป็นไปแล้วอย่างนี้ว่า แม้ผู้มีชื่อนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ ได้ถึงความสิ้น
ไป เสื่อมไปแล้ว ตั้งอยู่ในความเป็นกรรมฐาน แม้ในหมู่โจร การกล่าวคำ
แสดงความรักอาศัยเรือนว่า คำเหล่านั้น ได้มีแล้ว เพราะอาศัยกรรมของพวก
โจรนั้นว่า มูลเทพเป็นผู้มีอานุภาพมากอย่างนี้ ชื่อว่า ติรัจฉานกถา. ในการ
รบ ถ้อยคำด้วยอำนาจความใคร่และความยินดีว่า คนโน้น ถูกคนโน้น แทง
ในการรบเป็นต้นอย่างนี้ว่า ถูกฆ่าแล้วอย่างนี้นั่นเทียว ชื่อว่า ติรัจฉานกถา.
ก็ถ้อยคำที่เป็นไปแล้วอย่างนี้ว่า ขึ้นชื่อว่า แม้พวกนั้นก็ถึงความสิ้นไปจัดเป็น
กรรมฐานในที่ทุกแห่งนั่นเทียว. อีกอย่างหนึ่ง แม้ในเรื่องข้าวเป็นต้น การ
กล่าวด้วยอำนาจความใคร่และความยินดีว่า พวกเราจะเคี้ยว บริโภค ดื่มข้าว
เป็นต้นที่มีสีมีกลิ่น ถึงพร้อมด้วยรสและผัสสะ ย่อมไม่ควร. ส่วนการกล่าว

416
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 417 (เล่ม 31)

เรื่องที่มีประโยชน์ก่อนว่า พวกเราได้ถวายข้าว น้ำดื่ม ผ้า ยาน ที่นอน
ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่ถึงพร้อมด้วยสีเป็นต้น แก่ผู้มีศีลทั้งหลาย
พวกเราได้ทำการบูชาที่เจดีย์ ดังนี้ ก็ควร. แม้ในพวกญาติเป็นต้น การ
กล่าวด้วยอำนาจความยินดีว่า ญาติทั้งหลายของพวกเรา เป็นผู้แกล้วกล้า
สามารถ หรือว่า พวกเราเที่ยวด้วยยานอันงดงามอย่างนี้ในกาลก่อน ดังนี้
ย่อมไม่ควร.
ก็ควรกล่าวถ้อยคำว่า ญาติทั้งหลายของพวกเราแม้เหล่านั้น ทำสิ่งมี
ประโยชน์แล้วถึงความสิ้นไป หรือว่า ครั้งก่อนพวกเราได้ถวายยานเห็นปาน
นี้แก่พระสงฆ์. แม้ในเรื่องบ้านเป็นต้น การกล่าวด้วยอำนาจบ้านที่อยู่แล้วดี
อยู่ไม่ดีและหาอาหารง่ายยากเป็นต้น หรือด้วยความยินดีอย่างนี้ว่า ผู้ที่อยู่บ้าน
โน้นแกล้วกล้าสามารถ ดังนี้ ไม่ควร. ก็การกล่าวถึงเรื่องบ้านนั้นว่า คนทั้ง
หลาย ทำสิ่งให้ประโยชน์ มีศรัทธา เลื่อมใสแล้ว หรือว่า คนเหล่านั้นถึง
ความสิ้นไปเสื่อมไป ดังนี้ ไม่ควร. แม้ในการกล่าวเรื่องอำเภอ นครและชน-
บท ก็นัยนี้ แม้การกล่าวเรื่องผู้หญิงอาศัยผิวและทรวดทรงเป็นต้นแล้ว ไม่
ควรเพื่อจะกล่าวด้วยอำนาจความยินดีเป็นต้น. การกล่าวอย่างนี้ว่า คนพวกนี้
มีศรัทธาเลื่อมใสแล้วถึงความสิ้นไป ดังนี้เทียว ก็ควร. แม้การกล่าวเรื่องคน
กล้า ไม่ควรเพื่อจะกล่าว ด้วยอำนาจความยินดีว่า นักรบชื่อว่า นันทมิต
เป็นผู้แกล้วกล้า. การกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้นี้เป็นผู้มีศรัทธา เลื่อมใสแล้วถึงความ
สิ้นไป ดังนี้เทียว ก็ควร. ปาฐะว่าสูรกถา ดังนี้บ้าง การกล่าวถึงผู้กล้าหาญแม้
นั้น ย่อมไม่ควรด้วยอำนาจความยินดีว่า ขึ้นชื่อว่า หญิงเห็นปานนี้ เป็นผู้มี
บิดา ชื่อว่า สูระ มีมารดาชื่อว่า ฤดี ดังนี้นั่นเทียว. ส่วนการกล่าวด้วย

417
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 418 (เล่ม 31)

อำนาจโทษนั่นแหละ ย่อมควรโดยนัย เป็นต้นว่า ผู้ประพฤติวัตรของผู้เป็นบ้า.
แม้การกล่าวเรื่องตรอก ย่อมไม่ควรเพื่อจะกล่าว ด้วยอำนาจความยินดีว่า
ตรอกโน้น สร้างไว้ดีแล้ว หรือว่า พวกตนที่อยู่ตรอกโน้นแกล้วกล้า มีความ
สามารถดังนี้. การกล่าวอย่างนี้ว่า พวกเขาเป็นผู้มีศรัทธา เลื่อมใสแล้วถึงความ
สิ้นไป ดังนี้ ก็ควร. ถ้อยคำว่าด้วยเรื่องที่ตั้งหม้อ ถ้อยคำว่าด้วยเรื่องท่าน้ำ
ท่านเรียกว่า เรื่องท่าน้ำ. หรือว่าด้วยเรื่องนางทาสีตักน้ำด้วยหม้อ . การกล่าว
ด้วยอำนาจความยินดีว่า แม้นางเป็นผู้น่าเลื่อมใส ฉลาดที่จะฟ้อนขับ ดังนี้
ไม่ควร. การกล่าวโดยนัยเป็นต้นว่า มีศรัทธา เลื่อมใสแล้ว ดังนี้เทียว ก็ควร.
คำว่า เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว ได้แก่ เรื่องญาติที่ล่วงลับไปแล้ว.
การวินิจฉัยในเรื่องญาติที่ล่วงลับไปแล้วนั้น ก็เหมือนกับเรื่องญาติที่ยังมีชีวิต
อยู่นั่นแหละ.
คำว่า เรื่องเบ็ดเตล็ด ได้แก่ เรื่องที่หาประโยชน์มิได้ พ้นจาก
เรื่องเกิดก่อนและหลัง ที่เหลือมีสภาพต่าง ๆ.
คำว่า กล่าวเรื่องโลก คือการกล่าวเล่น ๆ ว่าด้วยเรื่องโลกเป็นต้น
อย่างนี้ว่า โลกนี้ใครสร้าง คนชื่อโน้นสร้าง กาขาว เพราะมีกระดูกขาว นก
ตะกรุมแดง เพราะมีโลหิตแดง. การกล่าวเรื่องทะเลอัน ไม่มีประโยชน์เป็นต้น
อย่างนี้ว่า เพราะเหตุไร ทะเลจึงชื่อว่า สาคร ชื่อว่า สมุทร เพราะรู้ได้ด้วยปลายมือ
ว่า ชื่อว่าสาครที่เคาขุดแล้ว เพราะสาครเทพขุดแล้ว ชื่อว่า กล่าวเรื่องทะเล.
การกล่าวเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ทั่ว ๆ ไปว่า เจริญ เสื่อม แล้วกล่าวเรื่องที่เป็นไป
ชื่อว่า กล่าวเรื่องความเจริญและความเสื่อม. ก็ในเรื่องกล่าวความเจริญและ
ความเสื่อมนี้ ความเที่ยงชื่อว่า ความเจริญ ความขาดสูญชื่อว่า ความเสื่อม

418
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 419 (เล่ม 31)

ความก้าวหน้าชื่อว่า ความเจริญ ความหายนะชื่อว่า ความเสื่อม กามสุข
ชื่อว่า ความเจริญ การทำตนให้ลำบาก ชื่อว่า ความเสื่อม รวมกับความ
เจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้น ๆ ๖ อย่างเหล่านี้ จึงเป็นการกล่าวเรื่อง
เดรัจฉาน ๓๒ ด้วยประการฉะนี้. คำที่เหลือในบททั้งปวง ตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาติรัจฉานกถาสูตรที่ ๑๐
จบสมาธิวรรควรรณนาที่ ๑
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. สมาธิสูตร ๒. ปฎิสัลลานสูตร ๓. ปฐมกุลปุตตสูตร ๔. ทุติย-
กุลปุตตสูตร ๕. ปฐมสมณพราหมณสูตร ๖. ทุติยสมณพราหมณสูตร ๗.
วิตักกสูตร ๘. จินตสูตร ๙. วิคคหิกกถาสูตร ๑๐. ติรัจฉานกถาสูตร และ
อรรถกถา.

419