No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 101 (เล่ม 29)

๑๓. ภวปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องภพ
[๕๐๙] ดูก่อนท่านสารีบุตร ที่เรียกว่า ภพ ๆ ดังนี้ ภพเป็น
ไฉนหนอ.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ ภพ ๓ เหล่านี้ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
ภพ ๓ เหล่านี้แล.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคามีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ เพื่อ
กำหนดรู้ภพเหล่านั้น.
สา. มีอยู่ ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคาเป็นไฉน ปฏิปทาเป็นไฉน เพื่อ
กำหนดรู้ภพเหล่านั้น.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือ ความ
เห็นชอบ ฯลฯ จงใจชอบ นี้แลเป็นบรรดา เป็นปฏิปทา เพื่อกำหนด
รู้ภพเหล่านั้น.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ มรรคาดีนัก ปฏิปทาดีนัก เพื่อกำหนด
รู้ภพเหล่านั้น และเพียงพอเพื่อความไม่ประมาท นะท่านสารีบุตร.
จบ ภวปัญหาสูตรที่ ๑๓

101
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 102 (เล่ม 29)

๑๔. ทุกขปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องทุกข์
[๕๑๐] ดูก่อนท่านสารีบุตร ที่เรียกว่า ทุกข์ ดังนี้ ทุกข์
เป็นไฉนหนอ.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ สภาพทุกข์ ๓ ประการนี้ คือ สภาพทุกข์คือ
ทุกข์ สภาพทุกข์คือสังขาร สภาพทุกข์คือความแปรปรวน สภาพทุกข์ ๓
ประการนี้แล.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคามีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ เพื่อ
กำหนดรู้สภาพทุกข์เหล่านั้น.
สา. มีอยู่ ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคาเป็นไฉน ปฏิปทาเป็นไฉน เพื่อ
กำหนดรู้สภาพทุกข์เหล่านั้น.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือความเห็น
ชอบ ฯลฯ ตั้งใจชอบ นี้แลเป็นมรรคา เป็นปฏิปทา เพื่อกำหนดรู้สภาพ
ทุกข์เหล่านั้น.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ มรรคาดีนัก ปฏิปทาดีนัก เพื่อกำหนด
รู้สภาพทุกข์เหล่านั้น และเพียงพอเพื่อความไม่ประมาท นะท่านสารีบุตร.
จบ ทุกขปัญหาสูตรที่ ๑๔
อรรถกถาทุกขปัญหาสูตรที่ ๑๔
บทว่า ทุกฺขตา คือสภาพแห่งทุกข์ในบทเป็นอาทิว่า ทุกฺขทุกฺขตา
ได้แก่ สภาพแห่งทุกข์กล่าวคือทุกข์ ชื่อว่า ทุกฺขตา. แม้ในสองบทที่เหลือ
ก็นัยนี้เหมือนกัน.
จบ อรรถกถาทุกขปัญหาสูตรที่ ๑๔

102
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 103 (เล่ม 29)

๑๕. สักกายปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องสักกายทิฏฐิ
[๕๑๑] ดูก่อนท่านสารีบุตร ที่เรียกว่า สักกายะ ๆ ดังนี้
สักกายะเป็นไฉนหนอ.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ คือ อุปาทาน-
ขันธ์คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าสักกายะ.
ช. ก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคามีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ เพื่อ
กำหนดรู้สักกายะนั้น.
สา. มีอยู่ ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคาเป็นไฉน ปฏิปทาเป็นไฉน เพื่อ
กำหนดรู้สักกายะนั้น.
สา. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือความ
เห็นชอบ ฯลฯ ตั้งใจชอบ นี้แลเป็นมรรคา เป็นปฏิปทา เพื่อกำหนด
รู้สักกายะนั้น.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ มรรคาดีนัก ปฏิปทาดีนัก เพื่อกำหนด
รู้สักกายะนั้น และเพียงพอเพื่อความไม่ประมาท นะท่านสารีบุตร.
จบ สักกายปัญหาสูตรที่ ๑๕

103
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 104 (เล่ม 29)

๑๖. ทุกกรปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องสิ่งที่ทำได้ยาก
[ ๕๑๒ ] ดูก่อนท่านสารีบุตร อะไรหนอ เป็นการยากที่จะกระทำ
ได้ในธรรมวินัยนี้.
สา. บรรพชา ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็สิ่งอะไรอันบุคคลผู้บวชแล้ว กระทำได้
โดยยาก.
สา. ความยินดียิ่ง ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็สิ่งอะไร อันภิกษุผู้ยินดียิ่งแล้วกระทำได้
โดยยาก.
สา. การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้มีอายุ.
ช. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว
จะพึงเป็นพระอรหันต์ได้นานเพียงไร.
สา. ไม่นานนัก ผู้มีอายุ.
จบ ทุกกรปัญหาสูตรที่ ๑๖
จบ ชัมพุขาทกสังยุต

104
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 105 (เล่ม 29)

อรรถกถาทุกรปัญหาสูตรที่ ๑๖
บทว่า อภิรติ คือความไม่กระสันในการบรรพชา. บทว่า น จิรํ
อาวุโส ท่านแสดงว่า ข้าแต่ท่านผู้มีอายุ ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
เมื่อพากเพียรพยายามอยู่ จะพึงเป็นพระอรหันต์ คือพึงตั้งอยู่ในพระอรหัต
ได้ไม่นานนักคือเร็วนั่นเอง. เพราะท่านกล่าวว่า ภิกษุผู้อันท่านตักเตือน
แล้วในเวลาเช้า จักบรรลุคุณวิเศษในเวลาเย็น ภิกษุผู้อันท่านตักเตือนแล้ว
ในเวลาเย็น จักบรรลุคุณวิเศษในเวลาเช้า คำที่เหลือใน บททั้งปวงมีเนื้อ
ความง่ายทั้งนั้น.
จบ อรรถกถาทุกรปัญหาสูตรที่ ๑๖
จบ อรรถกถาชัมพุขาทกสังยุต.
รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้ คือ
๑. นิพพานปัญหาสูตร ๒. อรหัตตปัญหาสูตร ๓. ธรรมวาที
ปัญหาสูตร ๔. กิมัตถิยสูตร ๕. อัสสาสัปปัตตวสูตร ๖. ปรมัสสาสัป-
ปัตตสูตร ๗. เวทนาปัญหาสูตร ๘. อาสวปัญหาสูตร ๙. อวิชชา
ปัญหาสูตร ๑๐. ตัณหาปัญหาสูตร ๑๑. โอฆปัญหาสูตร ๑๒. อุปาทาน
ปัญหาสูตร ๑๓. ภวปัญหาสูตร ๑๔. ทุกขปัญหาสูตร ๑๕. สักกาย
ปัญหาสูตร ๑๖. ทุกกรปัญหาสูตร.

105
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 106 (เล่ม 29)

๕. สามัณฑกสังยุต
๑. สามัณฑกสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องนิพพาน
[๕๑๓] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ ฝั่งแม่น้ำคงคาใกล้
อุกกเจลนคร แคว้นวัชชี ครั้งนั้น ปริพาชกชื่อ สามัณฑกะ เข้าไปหา
ท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการ
ปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้ถามท่านพระสารีบุตรว่า ดูก่อนท่านสารีบุตร ที่เรียกว่า นิพพาน ๆ
ดังนี้ นิพพานเป็นไฉนหนอ. ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูก่อนผู้มีอายุ
ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า นิพพาน.
ป. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคามีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือเพื่อ
กระทำนิพพานนั้นให้แจ้ง.
สา. มีอยู่ ผู้มีอายุ.
ป. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคาเป็นไฉน ปฏิปทาเป็นไฉนเพื่อ
กระทำนิพพานนั้นให้แจ้ง.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ คือความเห็น
ชอบ ฯลฯ. ตั้งใจชอบ นี้แลเป็นมรรคา เป็นปฏิปทาเพื่อกระทำนิพพาน
นั้นให้แจ้ง.
ป. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ มรรคาดีนัก ปฏิปทาดีนัก เพื่อกระทำ
นิพพานนั้นให้แจ้ง และเพียงพอเพื่อความไม่ประมาท นะท่านสารีบุตร ฯลฯ
( เหมือนกับในชัมพุขาทกสังยุต )
จบ สามัณฑกสูตรที่ ๑

106
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 107 (เล่ม 29)

๑๖. ทุกรปัญหาสูตร ๑
ว่าด้วยปัญหาเรื่องสิ่งที่ทำได้ยาก
[๕๑๔] ดูก่อนท่านสารีบุตร อะไรหนอเป็นการยากที่จะกระทำ
ได้ในธรรมวินัยนี้.
สา. บรรพชา ผู้มีอายุ.
ป. ดูก่อนภิกษุผู้มีอายุ ก็สิ่งอะไรอันบุคคลผู้บวชแล้วกระทำได้
โดยยาก.
สา. ความยินดียิ่ง ผู้มีอายุ.
ป. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็สิ่งอะไรอันภิกษุผู้ยินดียิ่งแล้วกระทำได้
โดยยาก.
สา. การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้มีอายุ.
ป. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว
จะพึงเป็นพระอรหันต์ได้นานเพียงไร.
สา. ไม่นานนัก ผู้มีอายุ.
จบ ทุกกรปัญหาสูตรที่ ๑๖
อรรถกถาสัมัณฑกสังยุต
แม้ในสามัณฑกสังยุต พึงทราบเนื้อความโดยนัยนี้แล๒.
จบ อรรถกถาสามัณฑกสัยุต
รวมพระสูตรในสังยุตนี้ เช่นเดียวกับในสังยุตก่อน (คือชัมพุขาทกสังยุต)
จบ สามัณฑกสังยุต
๑. สูตรที่ ๒-๑๕ เหมือนในชัมพุขาทกสังยุต
๒. โดยนัยเดียวกับ อรรถกถาแห่งสูตรทั้งหลายในชัมพุขาทกสังยุต

107
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 108 (เล่ม 29)

๖. โมคคัลลานสังยุต
๑. สวิตักกปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องรูปฌานที่ ๑
[๕๑๕] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหาโมคคัลลานะอยู่ ณ พระวิหาร
เชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล ท่าน
พระมหาโมคคัลลานะเรียกภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระมหา-
โมคคัลลานะแล้ว ท่านพระมหาโมคัลลานะ ได้กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นว่า
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ขอโอกาส เมื่อเราหลีกเร้นอยู่ในที่ลับ ความปริวิตก
แห่งใจได้เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า ที่เรียกว่า ปฐมฌาน ๆ ดังนี้ ปฐมฌาน เป็น
ไฉนหนอ. เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจาก
กาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิด
แต่วิเวกอยู่ นี้เรียกว่า ปฐมฌาน เราก็สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
เข้าปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เมื่อเราอยู่ด้วย
วิหารธรรมนี้ สัญญามนสิการอันประกอบด้วยกามย่อมฟุ้งซ่าน ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปหาเราด้วยพระฤทธิ์ แล้วได้ตรัสว่า โมค-
คัลลานะ ๆ เธออย่าประมาทปฐมฌาน จงดำรงจิตไว้ในปฐมฌาน จง
กระทำจิตให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้นในปฐมฌาน จงดำรงจิตไว้ให้มั่นในปฐม-
ฌาน สมัยต่อมา เราสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน
อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ก็บุคคล
เมื่อจะพูดให้ถูก พึงพูดคำใดว่า สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว
ถึงความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่ บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูกพึงพูดคำนั้นกะเราว่า สาวก
อันพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่.
จบ สวิตักกปัญหาสูตรที่ ๑

108
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 109 (เล่ม 29)

อรรถกถาโมคคัลลานสังยุต
อรรถกถาสวิตักกปัญหาสูตรที่ ๑
พึงทราบวินิจฉัยในโมคคัลลานสังยุต ดังต่อไปนี้
บทว่า กามสหคตา คือประกอบนิวรณ์ ๕ ก็เมื่อภิกษุนั้นออก
จากปฐมฌานแล้ว นิวรณ์ ๕ ปรากฏแล้ว โดยความสงบมีอยู่ ด้วยเหตุนั้น
ปฐมฌานนั้น ของภิกษุนั้น ย่อมชื่อว่ามีส่วนแห่งความเสื่อมพระศาสดา
ทรงทรามความประมาทนั้นแล้ว จึงได้ประทานพระโอวาทว่า อย่าประมาท
จบ อรรถกถาสวิตักกปัญหาสูตรที่ ๑
๒. อวิตักกปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องรูปฌานที่ ๒
[๕๑๖] ที่เรียกว่า ทุติยฌาน ๆ ดังนี้ ทุติยฌานเป็นไฉนหนอ.
เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เข้าทุติยฌานอันมีความ
ผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร เพราะวิตก
วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ นี้เรียกว่าทุติยฌาน เราก็เข้า
ทุติยฌานอันมีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มี
วิตกวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เมื่อเรา
อยู่ด้วยวิหารธรรมนี้ สัญญามนสิการอันประกอบด้วยวิตกย่อมฟุ้งซ่าน
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปหาเราด้วยพระฤทธิ์แล้วได้
ตรัสว่า โมคคัลลานะ ๆ เธออย่าประมาททุติยฌาน จงดำรงจิตไว้ใน

109
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ – หน้าที่ 110 (เล่ม 29)

ทุติยฌาน จงกระทำจิตให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้นในทุติยฌาน จงตั้งจิตไว้ใน
มั่นในทุติยฌาน สมัยต่อมา เราเข้าทุติยฌานอันมีความผ่องใสแห่งจิตใน
ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มี
ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ก็บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก
พึงพูดคำใดว่า สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้
ยิ่งใหญ่ บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก พึงพูดคำนั้นกะเราว่า สาวกอันพระศาสดา
ทรงอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่
จบ อวิตักกปัญหาสูตรที่ ๒
อรรถกถาอวิตักกปัญหาสูตรที่ ๒
แม้ในทุติยฌานเป็นต้น ก็พึงทราบความโดยนัยนี้แล. ก็ในข้อ
ฌานอันประกอบด้วยอารมณ์เท่านั้น ท่านกล่าวว่า สหคตํ ดังนี้.
จบ อรรถกถาอวิตักกปัญหาสูตรที่ ๒
๓. สุขปัญหาสูตร๑
ว่าด้วยปัญหาเรื่องรูปฌานที่ ๓
[ ๕๑๗ ] ที่เรียกว่า ตติยฌาน ๆ ดังนี้ ตติยฌานเป็นไฉนหนอ.
เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่าภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มีอุเบกขา มีสติ มี
สัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป เข้าตติยฌานที่พระ-
อริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข
นี้เรียกว่าตติยฌาน เราก็มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วย
๑. สูตรที่ ๓ - ๘ ไม้มีอรรถกถาแก้.

110