No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 308 (เล่ม 28)

๓. ปฐมฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย จักษุไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง
จมูกไม่เที่ยง ลิ้นไม่เที่ยง กายไม่เที่ยง ใจไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึง
ละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ปฐมฉันทราคสูตรที่ ๓
๔. ทุติยฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นทุกข์
[๒๕๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใด
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไร
เล่าเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะ
ในจักษุนั้น หูเป็นทุกข์ จมูกเป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็น
ทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็น
ทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ทุติยฉันทสูตรที่ ๔

308
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 309 (เล่ม 28)

๕. ทุติยราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่ง
นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
จักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นทุกข์ จมูก
เป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ทุติยราคสูตรที่ ๕
๖. ทุติยฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลายจักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็น
ทุกข์ จมูกเป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้ง
หลายพึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์
เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ทุติยฉันทราคสูตรที่ ๖

309
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 310 (เล่ม 28)

๗. ตติยฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๒๕๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย
พึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้น
เสีย หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา
ใจเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยฉันทสูตรที่ ๗
๘. ตติยราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะโนจักษุนั้นเสีย หูเป็น
อนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยราคสูตรที่ ๘

310
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 311 (เล่ม 28)

๙. ตติยฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย
หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็น
อนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยฉันทราคสูตรที่ ๙
๑๐. จตุตถฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่ไม่เที่ยง
[๒๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้นเสีย เสียง
ไม่เที่ยง กลิ่นไม่เที่ยง รสไม่เที่ยง โผฏฐัพพะไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง
เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่ง
ใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ จตุตถฉันทสูตรที่ ๑๐

311
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 312 (เล่ม 28)

๑๑. จตุตถราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่ง
นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะในรูปนั้นเสีย เสียงไม่เที่ยง กลิ่น
ไม่เที่ยง รสไม่เที่ยง โผฏฐัพพะไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง เธอทั้งหลาย
พึงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอ
ทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ จตุตถราคสูตรที่ ๑๑
๑๒. จตุตถฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย เสียง
ไม่เที่ยง กลิ่นไม่เที่ยง รสไม่เที่ยง โผฏฐัพพะไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง
เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ จตุตถฉันทราคสูตรที่ ๑๒

312
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 313 (เล่ม 28)

๑๓. ปัญจมฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นทุกข์
[๒๖๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้นเสีย เสียง
เป็นทุกข์ กลิ่นเป็นทุกข์ รสเป็นทุกข์ โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ ธรรมารมณ์
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสียง ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ปัญจมฉันทสูตรที่ ๑๓
๑๔. ปัญจมราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่ง
นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
รูปเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในรูปนั้นเสีย เสียงเป็นทุกข์ กลิ่น
เป็นทุกข์ รสเป็นทุกข์ โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ เธอ
ทั้งหลายพึงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใด
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย
จบ ปัญจมราคสูตรที่ ๑๔

313
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 314 (เล่ม 28)

๑๕. ปัญจมฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย เสียง
เป็นทุกข์ กลิ่นเป็นทุกข์ รสเป็นทุกข์ โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ ธรรมารมณ์
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทวาคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ปัญจมฉันทราคสูตรที่ ๑๕
๑๖. ฉัฏฐฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๒๖๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย
พึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้นเสีย
เสียงเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา
ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้น
เสีย.
จบ ฉัฏฐฉันทสูตรที่ ๑๖

314
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 315 (เล่ม 28)

๑๗. ฉัฏฐราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะใน
สิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะในรูปนั้นเสีย เสียง
เป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา
ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้น
เสีย.
จบ ฉัฏฐราคสูตรที่ ๑๗
๑๘. ฉัฏฐฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตาเธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย เสียง
เป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา
ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้น
เสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ฉัฏฐฉันทราคสูตรที่ ๑๘

315
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 316 (เล่ม 28)

๑๙. ปฐมอตีตสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายใน ๖ ที่เป็นอดีตเป็นของไม่เที่ยง
[๒๖๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุที่เป็นอดีตเป็นของไม่เที่ยง
หูที่เป็นอดีตเป็นของไม่เที่ยง จมูกที่เป็นอดีตเป็นของไม่เที่ยง ลิ้นที่เป็น
อดีตเป็นของไม่เที่ยง กายที่เป็นอดีตเป็นของไม่เที่ยง ใจที่เป็นอดีตเป็น
ของไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่าย แม้ในจักษุ แม้ในหู แม้ในจมูก แม้ในลิ้น แม้ในกาย
แม้ในใจ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็น
อย่างนี้มิได้มี.
จบ ปฐมอตีตสูตรที่ ๑๙
๒๐. ปฐมอนาคตสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายใน ๖ ที่เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง
[๒๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุที่เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง
หูที่เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง จมูกที่เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง ลิ้นที่
เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง กายที่เป็นอนาคตเป็นของไม่เที่ยง ใจที่เป็น
อนาคตเป็นของไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ปฐมอนาคตสูตรที่ ๒๐

316
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 317 (เล่ม 28)

๒๑. ปฐมปัจจุปันนสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายใน ๖ ที่เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง
[๒๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุที่เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง
หูที่เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง จมูกที่เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง ลิ้นที่
เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง กายที่เป็นปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง ใจที่เป็น
ปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ปฐมปัจจุปันนสูตรที่ ๒๑
๒๒. ทุติยอตีตสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายในที่เป็นอดีตเป็นทุกข์
[๒๖๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุที่เป็นอดีตเป็นทุกข์ หูที่เป็น
อดีตเป็นทุกข์ จมูกที่เป็นอดีตเป็นทุกข์ ลิ้นที่เป็นอดีตเป็นทุกข์ กายที่เป็น
อดีตเป็นทุกข์ ใจที่เป็นอดีตเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ทุติยอตีตสูตรที่ ๒๒

317