อารมณ์. บทว่า ปหีนา ความว่า พระตถาคตทรงละความซ่านไปและ
ความพัวพันแห่งกิเลสในรูปที่เป็นนิมิตและเป็นที่อยู่อาศัย. ถามว่า
ก็เพราะเหตุไร ในที่นี้ เบญจขันธ์ท่านจึงเรียกว่า โอกะ อารมณ์ ๖
ท่านจึงเรียกว่า นิเกตะ แก้ว่า เพราะฉันทราคะมีกำลังแรงและมี
กำลังอ่อน. จริงอยู่ แม้เมื่อฉันทราคะมีกำลังเสมอกัน อารมณ์เหล่านั้น
ก็มีความแตกต่างกัน ด้วยอรรถว่าเป็นที่อยู่อาศัย คือ เรือนเป็นที่อยู่
อาศัยประจำนั่นแล ท่านเรียกว่า โอกะ. สวนเป็นต้นเป็นที่อยู่อาศัยของ
ผู้ที่นัดหมายกันทำงานว่า วันนี้พวกเราจักทำในที่โน้น ชื่อว่า นิเกตะ
ในสองอย่างนั้น ในขันธ์ที่เป็นไปภายใน เหมือนฉันทราคะในเรือนที่
เต็มด้วยบุตรภรรยาทรัพย์และธัญญาหาร ย่อมมีกำลังแรง. ในอารมณ์
ภายนอก ๖ เหมือนฉันทราคะในที่สวนเป็นต้น มีกำลังอ่อนกว่านั้น
ฉะนั้น พึงทราบว่า ตรัสเทศนาอย่างนี้เพราะฉันทราคะมีกำลังแรง
และมีกำลังอ่อน.
บทว่า สุขิเตสุ สุขิโต ความว่า เมื่อพวกอุปัฏฐากได้รับความสุข
โดยได้ทรัพย์ธัญญาหารเป็นต้น ก็มีความสุขด้วยความสุขอาศัยเรือนว่า
บัดนี้เราจักได้โภชนะที่น่าพอใจ เป็นเหมือนเสวยสมบัติที่พวกอุปัฏฐาก
เหล่านั้นได้รับ เที่ยวไป. บทว่า ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต ความว่า เมื่อพวก
อุปัฏฐากเหล่านั้นเกิดความทุกข์ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ตนเองมี
ความทุกข์สองเท่า. บทว่า กิจฺจกรณีเยสุ ได้แก่ ในเรื่องที่ควรทำ คือกิจ.
บทว่า โยคํ อาปชฺชติ ความว่า ช่วยขวนขวาย คือทำกิจเหล่านั้นด้วย
ตนเอง. บทว่า กาเมสุ ได้แก่ ในวัตถุกามทั้งหลาย. บทว่า เอวํ โข คหปติ
กาเมหิ น ริตฺโต โหติ ความว่า เป็นผู้ไม่ว่างจากกิเลสกามทั้งหลาย คือ
เป็นผู้ไม่เปล่า เพราะยังมีกามภายใน อย่างนี้. ฝ่ายตรงข้าม พึงทราบว่า