เหล่านั้นทูลว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น แม้พวกหม่อมฉันก็จักบวช. ภริยาทั้งหมด
พากันเทียมรถออกไป.
ฝ่ายพระราชาพร้อมด้วยอำมาตย์พันหนึ่งเสด็จถึงฝั่งแม่น้ำคงคา ใน
เวลานั้น แม่น้ำคงคาเต็มเปี่ยม. ลำดับนั้น พวกเขาเห็นดังนั้นจึงคิดว่า
แม่น้ำคงคานี้เต็มเปี่ยม คลาคล่ำไปด้วยปลาร้าย และพวกทาสหรือมนุษย์
ที่มากับพวกเรา ที่จะทำเรือหรือแพให้พวกเราก็ไม่มี ก็ขึ้นชื่อว่าคุณของ
พระศาสดานี้ แผ่ไปเบื้องล่างถึงอเวจี เบื้องบนถึงภวัคคพรหม ถ้าพระ-
ศาสดานี้เป็นพระสัมมาสมพุทธะ ขอให้หลังกีบม้าเหล่านี้จงอย่าเปียก
ดังนี้แล้ว จึงให้ม้าวิ่งไปบนผิวน้ำ. แม้เพียงหลังกีบม้าตัวหนึ่งก็ไม่เปียก.
พวกเขาเหมือนไปตามทางที่เสด็จถึงฝั่งข้างโน้น แล้วถึงแม่น้ำใหญ่สายอื่น
ข้างหน้า. ในที่นั้นไม่มีสัจกิริยาอย่างอื่น พวกเขาข้ามแม่กว้างกึ่งโยชน์
แม้นั้นด้วยสัจกิริยานั้นเอง. ลำดับนั้น พวกเขาถึงแม่น้ำใหญ่สายที่ ๓
ชื่อจันทภาคา ได้ข้ามแม่น้ำนั้นด้วยสัจกิริยานั้นนั่นเอง.
วันนั้นเวลาใกล้รุ่ง พระศาสดาเสด็จออกจากมหากรุณาสมาบัติ
ทรงตรวจดูสัตวโลก ทรงเห็นว่า วันนี้พระเจ้ามหากัปปิยนะทรงละราช-
อาณาจักรสามร้อยโยชน์ แวดล้อมไปด้วยอำมาตย์พันหนึ่งมาเพื่อบวชใน
สำนักของเรา พระดำริว่า เราควรต้อนรับพวกเขา ทรงชำระพระวรกาย
แต่เช้าตรู่ มีภิกษุสงฆ์เป็นบริวาร เสด็จบิณฑบาต ณ กรุงสาวัตถี หลัง
จากเสวยพระกระยาหารแล้วเสด็จกลับจากบิณฑบาต พระองค์เองทรงถือ
บาตรและจีวร เสด็จเหาะไปประทับนั่งขัดสมาธิดำรงพระสติมั่นเปล่งพระ-
พุทธฉัพพรรณรังสี ณ ที่ต้นไทรใหญ่ซึ่งมีอยู่ในที่ตรงท่าข้ามของพวกเขา
เหล่านั้น ริมฝั่งแม่น้ำจันทภาคา. ตรงเท่านั้น พวกเขาแลดูพระพุทธ-