No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 277 (เล่ม 26)

สำหรับปลาเล็กเหล่าอื่น" ปฏิจจสมุปบาทก็เหมือนอย่างนั้นแหละ พึง
กล่าวว่า "ง่ายสำหรับพระอานนท์ ผู้เข้าถึงญาณ (ผู้มีปัญญามาก)
แต่ไม่พึงกล่าวว่า " ง่ายสำหรับภิกษุเหล่าอื่น." อนึ่ง พระยาครุฑสูง
ตั้ง ๑๕๐ โยชน์ ปีกขวาของพระยาครุฑนั้นยาว ๑๕๐ โยชน์ ปีกซ้ายก็
เหมือนกัน หางยาว ๖๐ โยชน์ ปาก ๙ โยชน์ เท้า ๑๒ โยชน์. เมื่อ
มันเริ่มแสดงการกระพือปีกกินลมแบบครุฑ สถานที่ประมาณ ๗-๘ ร้อย
โยชน์ก็ไม่พอ. มันพึงกล่าวอย่างนี้ว่า "ชนทั้งหลายกล่าวว่า อากาศนี้
ไม่มีที่สิ้นสุด ความไม่มีที่สุดแห่งอากาศนั้นมีที่ไหน. เราไม่ได้แม้โอกาส
สำหรับกระพือปีกกินลม." ในข้อนั้น พึงกล่าวว่า อากาศมีเพียงเล็ก
น้อยสำหรับพระยาครุฑ ผู้เข้าถึงกาย (เป็นนกครุฑใหญ่). แต่ไม่
พึงกล่าวว่า มีเพียงเล็กน้อยสำหรับนกเล็ก ๆ เหล่าอื่น. ปฏิจจสมุปบาท
ก็เหมือนอย่างนั้นแหละ พึงกล่าวว่า ง่ายสำหรับพระอานนท์ ผู้เข้าถึง
ญาณ (มีปัญญามาก) แต่ไม่พึงกล่าวว่า ง่ายสำหรับภิกษุเหล่าอื่น.
ส่วนอสุรินทราหู ตั้งแต่ปลายเท้าถึงปลายผม วัดได้ ๔,๘๐๐ โยชน์
ระหว่างแขนทั้ง ๒ ของอสุรินทราหูนั้นวัดได้ ๑,๒๐๐ โยชน์ โดยส่วน
หนาวัดได้ ๖๐๐ โยชน์ ฝ่ามือฝ่าเท้า ๓๐๐ โยชน์ ปากก็เหมือนกัน ข้อนิ้ว
แต่ละข้อ ๕๐ โยชน์ ระหว่างคิ้วก็เหมือนกัน หน้าผาก ๓๐๐ โยชน์
ศีรษะ ๙๐๐ โยชน์ เมื่ออสุรินทราหูก้าวลงสู่มหาสมุทร น้ำจะลึกประมาณ
แค่เข่า. เขาพึงกล่าวว่า "ชนทั้งหลายกล่าวว่า มหาสมุทรนี้ลึก ความลึก
ของมหาสมุทรนั้นมีที่ไหน. เราไม่ได้น้ำแม้เพียงที่จะท่วมถึงเข่า. ใน
ข้อนั้น พึงกล่าวว่า มหาสมุทรตื้นสำหรับอสุรินทราหุ ผู้เข้าถึงกาย
(มีกายใหญ่) แต่ไม่พึงกล่าวว่า ตื้นสำหรับผู้อื่น. ปฏิจจสมุปบาท

277
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 278 (เล่ม 26)

ก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ พึงกล่าวว่า ง่ายสำหรับพระอานนท์ ผู้เข้า
ถึงญาณ (มีปัญญามาก) แต่ไม่พึงกล่าวว่า ง่ายสำหรับภิกษุเหล่าอื่น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "ดูก่อนอานนท์ เธออย่ากล่าวอย่างนี้" ดังนี้
ทรงหมายเอาข้อความนี้แล.
จริงอยู่ ปฏิจจสมุปบาท แม้จะเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง แต่ก็ปรากฏว่า
เป็นธรรมง่ายแก่พระอานนทเถระ ด้วยเหตุ ๔ ประการ. เหตุ ๔ ประการ
คืออะไรบ้าง. คือ ด้วยการถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยในปางก่อน ๑ ด้วยการ
อยู่ใกล้ศาสดา ๑ ด้วยความเป็นผู้บรรลุกระแสธรรม ๑ ด้วยความเป็นผู้
ได้ยินได้ฟังมาก ๑.
เล่ากันมาว่า ในแสนกัป นับแต่ภัทรกัปนี้ไป ได้มีพระศาสดา
ทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระองค์ทรงมีนคร
ที่ประทับนามว่า หังสวดี ทรงมีพระบิดาเป็นพระราชา ทรงพระนามว่า
อานันทะ ทรงมีพระมารดาเป็นพระเทวี ทรงพระนามว่า สุเมธา
พระโพธิสัตว์ทรงพระนามว่า อุตตรกุมาร. พระองค์ได้เสด็จออก
มหาภิเนษกรมณ์ ในวันที่พระโอรสประสูติ ทรงผนวชแล้วประกอบ
ความเพียรเนือง ๆ ทรงบรรลุสัพพัญญุตญาณตามลำดับ ทรงเปล่งอุทาน
ว่า อเนกชาติสํสารํ เป็นอาทิ ทรงยับยั้งให้เวลาล่วงไปที่โพธิบัลลังค์
สิ้น ๗ วันแล้ว ทรงยกพระบาทออกด้วยพระดำริว่า "เราจักเอาเท้า
เหยียบแผ่นดิน." ขณะนั้น ดอกบัวหลวงดอกใหญ่ ก็ชำแรกแผ่นดิน
ปรากฏขึ้น กลีบดอกบัวนั้น วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒
ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ.
ส่วนพระศาสดา โดยส่วนสูง ทรงสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระ-

278
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 279 (เล่ม 26)

พาหาทั้ง ๒ ของพระองค์ วัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์
และพระบาท ๑๑ ศอก พอพระองค์ทรงใช้พระบาท ๑๑ ศอก เหยียบ
ดอกบัวประมาณ ๑๒ ศอก ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น
เกลื่อนกล่นไปตลอดพื้นที่ ๕๘ ศอก เหมือนจุณแห่งมโนศิลาอันเกลื่อน
กล่นฉะนั้น อาศัยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงปรากฏพระนามว่า
"ปทุมุตตระ." พระองค์ได้มีอัครสาวก ๒ รูป คือ พระเทวิละ
และพระสุชาตะ. อัครสาวิกา ๒ รูป คือ พระนางอมิตาและพระนางอสมา.
อุปัฏฐากชื่อสมุนะ. พระผู้มีพระภาคเจ้าปทุมุตตระ เมื่อจะทรงกระทำ
การสงเคราะห์พระบิดา ประทับอยู่ที่หังสวดีราชธานี มีภิกษุ ๑ แสนรูป
เป็นบริวาร. อนึ่ง พระกนิษฐภาดาของพระองค์ทรงพระนามว่า สุมนกุมาร.
พระราชาได้พระราชทานโภคะในที่ ๑๒๐ โยชน์ จากหังสวดี แก่สุมนกุมาร
นั้น. บางคราวพระสุมนกุมาร ก็มาเฝ้าพระบิดาและพระศาสดา.
ต่อมาวันหนึ่ง ชายแดนเกิดการกำเริบ (เกิดความไม่สงบ)
สุมนกุมาร ได้ทรงส่งสาสน์ไปถวายพระราชา พระราชาทรงส่งสาสน์
ตอบไปว่า "ลูกเอ๋ย พ่อตั้งเจ้าไว้เพื่ออะไร." สุมนกุมาร ทรงปราบ
โจรให้สงบราบคาบแล้ว ทรงส่งสาสน์ไปถวายพระราชาอีกว่า "ข้าแต่
สมมติเทพ ชนบทสงบแล้ว. พระราชาทรงยินดี รับสั่งว่า "ขอให้ลูก
ของเราจงมาเร็ว." สุมนกุมารนั้น ทรงมีอำมาตย์ประมาณ ๑,๐๐๐ คน
พระองค์ทรงปรึกษากับอำมาตย์เหล่านั้น ในระหว่างทางว่า "พระราช-
บิดาของเราทรงยินดี หากทรงประทานพรแก่เรา เราจะรับอะไรดี."
ครั้นแล้ว อำมาตย์พวกหนึ่ง ได้กราบทูลพระกุมารว่า "พระองค์จงเอา

279
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 280 (เล่ม 26)

ช้าง เอาม้า เอาชนบท เอาแก้ว ๗ ประการ." อำมาตย์อีกพวกหนึ่ง
กราบทูลว่า "พระองค์เป็นพระราชโอรสของพระราชา ผู้เป็นใหญ่ใน
แผ่นดิน ทรัพย์มิเป็นของหาได้ยากกำหนัดพระองค์ พระองค์ควรละทรัพย์
ที่ได้แล้วทั้งหมดนี้ไป บุญอย่างเดียวเท่านั้นที่ควรพาไป เพราะฉะนั้น
เมื่อพระราชาพระราชทานพร ขอพระองค์จงทรงรับพร เพื่ออุปัฏฐาก
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ตลอดไตรมาสเถิด." พระ
กุมารรับสั่งว่า "พวกท่านเป็นกัลยาณมิตรของเรา อันที่จริงเรามีความ
คิดเช่นนั้นอยู่ แต่พวกท่านให้เกิดขึ้นก่อน เราจักทำอย่างนั้น" แล้วเสด็จ
ไปถวายบังคมพระบิดาเมื่อพระบิดาทรงสวมกอด ทรงจุมพิตที่พระเศียร
แล้วรับสั่งว่า "ลูก พ่อขอให้พรแก่เจ้า" จึงกราบทูลว่า "ข้าแต่
พระมหาราช ข้าพระองค์ปรารถนาจะอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย
ปัจจัย ๔ ตลอดไตรมาส ทำชีวิตมิให้มีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระ-
ราชทานพรนี้แก้ข้าพระองค์เถิด." พระราชารับสั่งว่า "ลูก พ่อไม่อาจจะ
ให้ได้ ลูกจงขอสิ่งอื่นเถิด." พระกุมารกราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ
ขึ้นชื่อว่า กษัตริย์ทั้งหลายย่อมไม่ตรัสคำเป็นสอง ขอพระองค์ได้โปรดพระ-
ราชทานพรนี้แหละ ข้าพระองค์ไม่มีความต้องการด้วยสิ่งอื่น." พระราชา
รับสั่งว่า "ลูก จิตของพระพุทธเจ้าทั้งหลายรู้ได้ยาก หากพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า จักไม่ทรงปรารถนาไซร้ แม้เมื่อพ่อให้พรไปแล้ว จักมีประ-
โยชน์อะไร." พระกุมารกราบทูลว่า " ข้าแต่สมมติเทพ ดีละ ข้าพระองค์
จักรู้พระทัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า" ดังนี้แล้วเสด็จไปสู่พระวิหาร.
เวลานั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสร็จภัตกิจแล้ว เสด็จเข้าไปยังพระ
คันธกุฎี. พระสุมนกุมารนั้น ได้เสด็จไปถึงสำนักพวกภิกษุที่นั่งอยู่พร้อม

280
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 281 (เล่ม 26)

กันในโรงกลม. ภิกษุเหล่านั้น ถวายพระพรพระราชกุมารนั้นว่า " ขอ
ถวายพระพร เพราะเหตุไร พระองค์จึงเสด็จมา (ที่นี้)."
พระกุมาร. "มาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอให้พวกท่านจงโปรด
แสดงพระผู้มีพระภาคเจ้า แก่ข้าพเจ้าด้วย."
พวกภิกษุ. "ขอถวายพระพร พวกอาตมาให้พระองค์เฝ้าพระ
ศาสดา ในขณะที่พระองค์ทรงประสงค์หาได้ไม่."
พระกุมาร. "ท่านผู้เจริญ ใครเล่า ให้เฝ้าได้."
พวกภิกษุ. "ขอถวายพระพร พระเถระชื่อ สุมนะ."
พระกุมารตรัสถามถึงที่นั่งของพระเถระว่า "ท่านผู้เจริญ พระ
เถระนั้นอยู่ที่ไหน" เสด็จไปทรงไหว้พระเถระแล้วตรัสว่า "ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ ข้าพเจ้าปรารถนาจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอท่านจงแสดง
พระผู้มีพระภาคเจ้า แก่ข้าพระเจ้าด้วยเถิด."
พระเถระถวายพระพรว่า "ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงเสด็จ
มาเถิด" แล้วนำเสด็จพระกุมารไปพักที่บริเวณพระคันธกุฎี แล้วขึ้นไป
ยังพระคันธกุฎี.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่ง (ถาม) พระเถระ
นั้นว่า "ดูก่อนสุมนะ เพราะเหตุไร เธอจึงมา (ที่นี่)."
พระเถระ. "พระราชโอรส เสด็จมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระเจ้าข้า."
พระผู้มีพระภาคเจ้า. "ดูก่อนภิกษุ ถ้าเช่นนั้น เธอจงปูอาสนะ
เถิด."

281
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 282 (เล่ม 26)

พระเถระปูอาสนะแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับนั่งบน
อาสนะที่ปูแล้ว พระราชโอรสถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกระทำ
ปฏิสันถาร.
พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่ง (ถาม) ว่า "ขอถวายพระพร พระองค์
เสด็จมาเมื่อไหร่.
พระราชโอรส. "มาเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี พระ-
เจ้าข้า. แต่พวกภิกษุกล่าวว่า พวกอาตมาให้พระองค์เฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าในขณะที่พระองค์ทรงประสงค์หาได้ไม่ แล้วสั่งข้าพระองค์ไป
ยังสำนักพระเถระ และพระเถระก็ได้แสดง (ให้ได้เฝ้า) ด้วยคำเพียงคำ
เดียวเท่านั้น พระเถระเห็นจะเป็นที่โปรดปรานในพระศาสนาของพระองค์
มาก พระเจ้าข้า."
พระผู้มีพระภาคเจ้า. "ขอถวายพระพร ถูกแล้ว ภิกษุนี้เป็นที่
โปรดปรานในศาสนาของอาตมภาพ."
พระราชกุมาร. "ทำอะไร จึงจะเป็นที่โปรดปราน ในพระศาสนา
ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระเจ้าข้า."
พระผู้มีพระภาคเจ้า. "ขอถวายพระพร ต้องให้ทาน สมาทานศีล
รักษาอุโบสถ จึงจะเป็นที่โปรดปราน."
พระราชกุมาร. "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนา
จะเป็นที่โปรดปรานในพระพุทธศาสนาเหมือนพระเถระ ขอพระองค์จง
ทรงรับนิมนต์ข้าพระองค์ อยู่จำพรรษาตลอดไตรมาสด้วยเถิด."
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า "จะมีประโยชน์ด้วยการไปหรือ

282
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 283 (เล่ม 26)

หนอ" ทรงเห็นว่า "มี" จึงรับสั่งว่า "ขอถวายพระพร พระตถาคต
ทั้งหลาย ย่อมทรงยินดีในเรือนว่างแล."
พระราชกุมารกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์
ได้ทราบแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ได้ทราบแล้ว." ทรงถือเอา
ปฏิญญาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จะล่วงหน้าไปก่อน แล้ว
ให้สร้างวิหาร เมื่อข้าพระองค์ส่งข่าวไป ขอพระองค์จงเสด็จมาพร้อม
ภิกษุ ๑ แสนรูป" แล้วเสด็จไปยังสำนักพระบิดา กราบทูลว่า "ข้าแต่
สมมติเทพ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงให้ปฏิญญาแก่ข้าพระองค์แล้ว เมื่อ
ข้าพระองค์ส่งข่าวไป ขอพระองค์ได้โปรดส่งพระผู้มีพระภาคเจ้าไปด้วย."
ถวายบังคมพระบิดาแล้ว เสด็จออกไปสร้างวิหารในที่ ๑ โยชน์ เสด็จ
ทางไกล ๒,๐๐๐ โยชน์ ครั้นเสด็จถึงแล้ว ทรงเลือกที่ตั้งวิหาร ในพระนคร
ของพระองค์. ทรงเห็นอุทยานของกุฏุมพีชื่อโสภณะ ทรงซื้อด้วยทรัพย์
๑ แสน และทรงสละทรัพย์ ๑ แสนให้สร้างวิหาร.
ในอุทยานนั้น พระราชกุมารรับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎี สำหรับ
พระผู้มีพระภาคเจ้า กุฎีถ้ำ และมณฑป เพื่อเป็นที่พักกลางคืนและ
กลางวัน สำหรับพวกภิกษุที่เหลือ ทรงสร้างกำแพงและซุ้มประตูเสร็จแล้ว
ส่งข่าวไปยังสำนักพระบิดา "งานของข้าพระองค์เสร็จแล้ว ข้อให้พระองค์
ได้โปรดส่งพระศาสดาไปด้วย. "
พระราชาถวายภัตตาหารพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า งานของสุมนกุมารเสร็จแล้ว เธอหวังการ
เสด็จไปของพระองค์."

283
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 284 (เล่ม 26)

พระผู้มีพระภาคเจ้า มีภิกษุ ๑ แสนรูปเป็นบริวาร ได้เสด็จไป
ประทับพักอยู่ในวิหาร ในระยะทางแห่งละโยชน์ ๆ.
พระราชกุมาร ได้ทรงสดับข่าวว่า "พระศาสดากำลังเสด็จมา"
ได้เสด็จไปทรงต้อนรับระยะทาง ๑ โยชน์ ทรงบูชาด้วยของหอมและ
ดอกไม้เป็นต้น อาราธนาให้เสด็จเข้าไปสู่วิหาร แล้วมอบถวายวิหารว่า
"ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยานชื่อโสภณะ ที่ข้าพระองค์
ซื้อด้วยเงิน ๑ แสน สร้างด้วยเงิน ๑ แสน." ในวันเข้าพรรษา ท้าวเธอ
ถวายทานทรงมีรับสั่งให้พระโอรสและพระมเหสีของพระองค์ และพวก
อำมาตย์เข้าเฝ้า แล้วรับสั่งว่า "พระศาสดาได้เสด็จจากแดนไกลมาสู่สำนัก
ของพวกเรา และขึ้นชื่อว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงเป็นผู้เคารพธรรม
ไม่ทรงเห็นแก่อามิส เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้า จักนุ่งผ้าสาฎก ๒ ผืน
สมาทานศีล ๑๐ อยู่ที่นี่แหละ ตลอดไตรมาสนี้ ขอให้พวกท่านทั้งหลาย
พึงถวายทานแด่พระขีณาสพ ๑ แสนรูป ตลอดไตรมาส โดยทำนองนี้."
ท้าวเธอประทับอยู่ในที่ที่มีส่วนเสมอกับที่อยู่พระสุมนเถระ ได้
ทอดพระเนตรเห็นวัตรทุกอย่างที่พระเถระทำถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า จึง
ทรงพระดำริว่า "พระเถระรูปนี้ อยู่ในฐานะเป็นที่โปรดปรานโดยส่วน
เดียว ควรที่เราจะปรารถนาฐานันดรของพระเถระนี้แหละ" เมื่อใกล้
ปวารณา ได้เสด็จเข้าสู่บ้าน พระราชทานมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่
๗ ทรงวางไตรจีวรลงที่ใกล้เท้าของภิกษุ ๑ แสนรูป ถวายบังคมพระผู้มี
พระภาคเจ้า แล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้
กระทำบุญแล้ว ตั้งแต่ให้สร้างวิหารในระยะแห่งละโยชน์ ในทางใหญ่
ข้าพระองค์มิได้กระทำบุญนั้นเพราะหวังสมบัติคือความเป็นท้าวสักกเทวรราช

284
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 285 (เล่ม 26)

ทั้งมิได้กระทำเพราะหวังมารสมบัติและพรหมสมบัติเลย แต่กระทำเพราะ
ปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะฉะนั้น
ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพุทธอุปัฏฐากเหมือนพระสุมนเถระในอนาคตด้วย
เถิด" ดังนี้ ทรงหมอบลงถวายบังคมด้วยเบญจางค์ประดิษฐ์.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า "ความคิดอันยิ่งใหญ่ ของ
กุลบุตรจักสำเร็จหรือไม่หนอ." ทรงทราบว่า "ในกัปที่หนึ่งแสน
นับแต่ภัทรกัปนี้ไป ในอนาคต พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคตมะ
จักอุบัติขึ้น เธอจักได้เป็นอุปัฏฐากแห่งพระโคตมะนั้นแล" จึงตรัส
(ให้พร) ว่า
"ขอให้สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์แล้ว ทรงปรารถนาแล้ว
ทั้งหมดนั้นแหละ จงสำเร็จเถิด ขอให้พระดำริทั้งปวง
จงเต็มเหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น."
พระกุมารได้ทรงสดับแล้ว จึงทรงพระดำริว่า "ขึ้นชื่อว่า พระพุทธเจ้า
ทั้งหลายย่อมไม่มีพระวาจาเป็นสอง ในวันที่ ๒ นั่นเอง ทรงรับบาตร
และจีวรของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นแล้ว ได้เป็นเหมือน (ตาม)
เสด็จมาข้างหลัง ๆ. ท้าวเธอทรงให้ทานตลอดแสนปีในพุทธุปบาทนั้น
ทรงบังเกิดในสวรรค์ แม้ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ก็ได้ถวายผ้าห่มเพื่อ
เป็นที่รองบาตร พระเถระที่เที่ยวโปรดสัตว์ ทำการบูชาแล้ว ทรงบังเกิดใน
สวรรค์อีก เคลื่อนจากสวรรค์นั้นแล้ว ได้เป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี ทรง
ให้สร้างบรรณศาลา ถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ ทรงตั้งเชิงรอง
บาตรแก้วมณี ทรงทำการบำรุงด้วยปัจจัย ๔ ตลอดเวลา ๑ หมื่นปี.

285
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 286 (เล่ม 26)

นี้เป็นฐานะที่ปรากฏ.
อนึ่ง เมื่อทรงให้ทานอยู่ตลอดแสนกัป ได้ทรงบังเกิดในดุสิตบุรี
พร้อมกันพระโพธิสัตว์ของเรา เคลื่อนจากดุสิตบุรีนั้นแล้ว ทรงถือ
ปฏิสนธิในเรือนเจ้าศากยะทรงพระนามว่า อมิโตทนะ. เมื่อพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าทรงกระทำมหาภิเนษกรมณ์ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตาม
ลำดับ เสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์โดยการเสด็จครั้งแรก แล้วเสด็จออกไป
จากกรุงกบิลพัสดุ์นั้น เมื่อพระราชกุมารทั้งหลายทรงบรรพชา เพื่อเป็น
บริวารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ได้เสด็จออกพร้อมกับเจ้าศากยะพระ-
นามว่าภัททิยะเป็นต้น บรรพชาในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ฟัง
ธรรมกถาในสำนักของท่านพระปุณณมันตานีบุตร เเล้วตั้งอยู่ในโสดา-
ปัตติผลต่อกาลไม่นานเลย. ท่านพระอานนท์นี้ ถึงพร้อมด้วยยอุปนิสัยใน
ปางก่อนอย่างนี้. ปฏิจจสมุปบาท แม้เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ก็ปรากฏเหมือน
เป็นธรรมง่ายแก่ท่าน เพราะคุณสมบัติข้อนี้.
ส่วนการเล่าเรียน การฟัง การสอบถาม และการทรงจำในสำนัก
ของครูทั้งหลาย ท่านเรียกว่า "อยู่ใกล้ศาสดา." ท่านพระอานนท์
มีความเป็นอยู่ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง. ด้วยเหตุนั้น ปฏิจจสมุปบาทแม้จะ
ลึกซึ้งนี้ จึงปรากฏเหมือนเป็นธรรมง่ายแก่ท่าน. และสำหรับพระโสดาบัน
ทั้งหลาย ปัจจยาการปรากฏเป็นธรรมง่าย. และท่านพระอานนท์นี้ก็เป็น
พระโสดาบัน การกำหนดนามรูป ย่อมปรากฏแก่ผู้ได้ยินได้ฟังมาก
เหมือนเมื่อประทีปในห้อง ๔ ศอก ลุกโพลงอยู่ เตียงและตั่งก็ปรากฏ
ฉะนั้น และท่านพระอานนท์ ก็เป็นยอดแห่งบุคคลผู้พหูสูตทั้งหลาย
เพราะเหตุนั้น ปัจจยาการแม้จะเป็นธรรมลึกซึ่งก็ปรากฏเหมือนเป็นธรรม

286