แม้ในเรื่องภิกษุณี เรื่องสิกขมานา เรื่องสามเณร เรื่องสามเณรีเปรต ก็
วินิจฉัยนี้เหมือนกัน.
[เรื่องแม่น้ำตโปทา]
ในเรื่องแม่น้ำตโปทา พึงทราบวินิจฉัยดังนี้ :- บทว่า อจฺโฉทโก
แปลว่า มีน้ำใส.
บทว่า สีโตทโก แปลว่า มีน้ำเย็น.
บทว่า สาโตทโก แปลว่า มีน้ำรสอร่อย
บทว่า เสโตทโก แปลว่า มีน้ำบริสุทธิ์ คือ ไม่มีสาหร่ายแหน
และเปือกตม.
บทว่า สุติฏฺโฐ คือ เช้าถึงแล้วด้วยท่าทั้งหลายที่ดี.
บทว่า รมณีโย แปลว่า น่าให้เกิดความยินดี.
บทว่า จกฺกมตฺตานิ แปลว่า มีประมาณเท่าล้อรถ.
ข้อว่า กุฏฺฐิตา สนฺทติ ความว่า เป็นแม่น้ำร้อนจัด เดือดพล่าน
ไหลไปอยู่.
บทว่า ยตายํ ภิกฺขเว ตัดบทเป็น ยโต อยํ ภิกฺขเว แปลว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! แม่น้ำตโปทานี้ ไหลมาแต่ที่ใด ... ?
บทว่า โส ทโห แปลว่า ห้วงน้ำนั้น.
ถามว่า ก็แม่น้ำตโปทานี้ ไหลมาแต่ที่ไหน ?
แก้ว่า ได้ยินว่า ภายใต้ภูเขาเวภารบรรพต มีภพนาคประมาณ ๕๐๐
โยชน์ ของพวกนาคผู้อยู่บนภาคพื้น เช่นกับเทวโลกประกอบด้วยพื้นอันสำเร็จ
ด้วยแก้วมณี และด้วยอาราม และอุทยาน. ห้วงน้ำนั้น อยู่ในที่เล่นของพวกนาค
ในภพนาคนั้น. แม่น้ำตโปทานี้ ไหลมาแต่ห้วงน้ำนั้น.